xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มสหวิริยาลั่นคงหุ้นใหญ่ 33% หลังเพิ่มทุน SSI

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือสหวิริยาพร้อมใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน SSI รักษาการถือหุ้นใหญ่ไว้ที่ 33% หลังประกาศเพิ่มทุน 413 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยดึงเทรดเดอร์สวิส “Vanomat” ถือหุ้น 23% ยอมรับราคาเสนอขายหุ้นละ 68 สตางค์สูงกว่าราคากระดาน วอนรายย่อยมองในระยะยาว อ้าง BV ที่สูงถึง 1 บาทกว่า การันตีไตรมาส 1/56 มีกำไรอีกครั้ง หลังประเมินครึ่งปีหลังยังขาดทุนอยู่แต่ไม่มาก เหตุแนวโน้มราคาเหล็กน่าจะดีขึ้น

นายวิน วิริยะประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (SSI) เปิดเผยแผนการเพิ่มทุน 413 ล้านเหรียญสหรัฐว่า โครงสร้างการถือหุ้นของสหวิริยาสตีลฯ ภายหลังการเพิ่มทุนนั้น ทางกลุ่มสหวิริยาจะยังถือหุ้นใหญ่อยู่ที่ 33.57% จากปัจจุบัน 35.70% ขณะที่ Vanomet Holding AG เทรดเดอร์ค้าเหล็กรายใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์จะถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 5.33% เป็น 23.77% หลังได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ไม่เกิน 8 พันล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 68 สตางค์ คิดเป็นมูลค่า 170 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ยืนยันว่ากลุ่มสหวิริยาจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งในส่วนจัดสรรให้นักลงทุนทั่วไปและเฉพาะเจาะจงเพื่อรักษาความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไว้ โดยยอมรับว่าราคาเสนอขายหุ้นที่ 68 สตางค์นั้นสูงกว่าราคาในกระดานหุ้นที่เทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยราคาหุ้น SSI ต่ำกว่าความเป็นจริงจากภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาเหล็กที่อ่อนตัวลงมา แต่หากพิจารณาถึงราคามูลค่าตามบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 1 บาทกว่า และมูลค่าการลงทุนโรงงานถลุงเหล็กในอังกฤษและโรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในไทยแล้ว ราคาหุ้นน่าจะสูงกว่านี้มาก ทำให้พันธมิตรทางธุรกิจอย่าง Vanomat ที่อยู่ในวงการนี้พร้อมใส่เงินลงทุนเข้ามา จึงอยากให้นักลงทุนรายย่อยมองระยะยาว

บริษัทฯ จะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการเพิ่มทุนดังกล่าวนี้ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ โดยคาดว่าขั้นตอนการเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ 600-700 ล้านบาทเนื่องจากลดภาระเงินกู้ได้ถึง 1 หมื่นล้านบาท และยังคลายความกังวลให้สถาบันการเงินไทยที่ปล่อยกู้ด้วย เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของ SSI UK จะลดลงจาก 3.1 เท่าเหลือ 1.3 เท่า และ SSI มี D/E ลดลงจาก 3.1 เท่าเหลือ 1.6 เท่า

นายวินกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มียอดขาย 4.8 หมื่นล้านบาท หรือโตขึ้น 25% ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง เนื่องจากมีเหล็กแท่งแบนจาก SSI UK เข้ามาเสริม โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิตจากโรงเหล็กรีดร้อนในไทย 2.2 ล้านตัน และโรงถลุงเหล็กในอังกฤษ 2 ล้านตัน

โดยผลประกอบการงวดไตรมาส 3-4 /2555 น่าจะดีขึ้นมากหลังจากราคาเหล็กในตลาดโลกเริ่มทรงตัวหลังราคาอ่อนตัวลงมากว่าปีครึ่ง อุตสาหกรรมยานยนต์ก็กลับมาผลิตได้ตามปกติ และบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองการขาดทุนสต๊อกวัตถุดิบไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ คงยังขาดทุนสุทธิอยู่แต่ไม่มาก หลังจากครึ่งปีแรกขาดทุนสุทธิรวม 7.8 พันล้านบาท และมั่นใจว่าในไตรมาส 1/2556 บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิอีกครั้งเนื่องจากมีการติดตั้งอุปกรณ์ PCI ที่โรงถลุงเหล็กในอังกฤษ ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงตันละ 38 เหรียญสหรัฐ สต๊อกวัตถุดิบราคาแพงใช้หมดไปและหันมาผลิตเหล็กเกรดพิเศษมากขึ้น

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 55 มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวนไม่เกิน 1.94 หมื่นล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเสนอขายหุ้นในราคาหุ้นละ 68 สตางค์ จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้ Vanomet ไม่เกิน 8 พันล้านหุ้น ได้เงิน 100-170 ล้านเหรียญสหรัฐ, จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ จำนวนไม่เกิน 1.83 พันล้านหุ้น ได้เงิน 39 ล้านเหรียญสหรัฐ, จัดสรรหุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวนไม่เกิน 5.3 พันล้านหุ้น ได้เงิน 112 ล้านเหรียญสหรัฐ และจัดสรรให้เครือสหวิริยา และบริษัทสหวิริยา อินเดอร์ สตีลโฮลดิ้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น