บอร์ดปตท.สผ. มีมติให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น เพื่อรองรับแผนการขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกในการหาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการใช้พลังงานของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มความคล่องตัวและเสริมสร้างความสามารถในการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 650,000,000 หุ้น เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (Public Offering) โดยการกำหนดราคาเสนอขายจะทำโดยวิธี Book Building ซึ่งเป็นการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ระดับราคาต่างๆ
การจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะดำเนินการให้กับบุคคลกลุ่มต่างๆ ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ถือหุ้นในสัดส่วนประมาณร้อยละ 65.29 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ในจำนวนที่ทำให้ ปตท. ดำรงสัดส่วนการถือหุ้นในสัดส่วนประมาณร้อยละ 65.29 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเพิ่มทุนในครั้งนี้ (ก่อนการจัดสรรให้แก่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน) 2.ประชาชนทั่วไป ซึ่งอาจจัดสรรให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท (ยกเว้น ปตท.) และ/หรือนักลงทุนทั่วไปในประเทศไทย 3. ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-allotment Agent) เพื่อประโยชน์ในการรักษาระดับราคาของหุ้นของบริษัท
ทั้งนี้ จะได้มีการพิจารณากำหนดรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญ เพิ่มทุน เช่น จำนวนหุ้นที่จะเสนอขายสุดท้าย สัดส่วนการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (ยกเว้น ปตท.) และ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ระยะเวลาการเสนอขาย รวมถึงราคาเสนอขาย และรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดจองซื้อ และจะมีการประกาศให้ผู้ลงทุนทราบโดยทั่วกันในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
“บริษัทได้ศึกษาแผนการเงินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดดในการเพิ่มกำลังการผลิตตามเป้าหมาย 900,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2563 และได้ข้อสรุปว่า เพื่อให้โครงสร้างเงินทุนมีความเข้มแข็ง บริษัทควรเพิ่มทุนประมาณ 98,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสำรวจ พัฒนา รวมทั้งการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกในการหาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้พลังงานของประเทศไทย”
“เนื่องจากราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นราคาที่อ้างอิงกับราคาหุ้นของบริษัทซึ่งทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การกำหนดราคาจะทำโดยวิธี Book Building ซึ่งเป็นการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ระดับราคาต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่มีความโปร่งใส และใช้กันอย่างแพร่หลายในการเสนอขายหุ้นทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ในการกำหนดจำนวนหุ้นสุดท้ายในการเสนอขาย บริษัทพิจารณาจากจำนวนเงินทุนที่ต้องการและราคาเสนอขายสุดท้าย ดังนั้น จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทต้องออกเพิ่ม อาจไม่ถึงจำนวน 650 ล้านหุ้น แต่จะเป็นจำนวนที่ทำให้บริษัทได้รับเงินจำนวนประมาณ 98,000 ล้านบาท ซึ่งขึ้นกับราคาเสนอขายหุ้นที่จะได้มีการกำหนดต่อไป” นายเทวินทร์ กล่าวเสริม
เงินทุนที่จะได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความคล่องตัวทางการเงิน ทำให้บริษัทมีความสามารถในการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ที่มุ่งมั่นสร้างมูลค่าเพิ่มและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ และคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลง
จากแผนการผลิตของบริษัทซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะ 2 – 3 ปีนี้ ทำให้การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะจะสามารถรักษาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะสั้นและเสริมสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวข้างต้นยังจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2555
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 650,000,000 หุ้น เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (Public Offering) โดยการกำหนดราคาเสนอขายจะทำโดยวิธี Book Building ซึ่งเป็นการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ระดับราคาต่างๆ
การจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะดำเนินการให้กับบุคคลกลุ่มต่างๆ ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ถือหุ้นในสัดส่วนประมาณร้อยละ 65.29 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ในจำนวนที่ทำให้ ปตท. ดำรงสัดส่วนการถือหุ้นในสัดส่วนประมาณร้อยละ 65.29 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเพิ่มทุนในครั้งนี้ (ก่อนการจัดสรรให้แก่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน) 2.ประชาชนทั่วไป ซึ่งอาจจัดสรรให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท (ยกเว้น ปตท.) และ/หรือนักลงทุนทั่วไปในประเทศไทย 3. ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over-allotment Agent) เพื่อประโยชน์ในการรักษาระดับราคาของหุ้นของบริษัท
ทั้งนี้ จะได้มีการพิจารณากำหนดรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญ เพิ่มทุน เช่น จำนวนหุ้นที่จะเสนอขายสุดท้าย สัดส่วนการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (ยกเว้น ปตท.) และ นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ระยะเวลาการเสนอขาย รวมถึงราคาเสนอขาย และรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดจองซื้อ และจะมีการประกาศให้ผู้ลงทุนทราบโดยทั่วกันในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
“บริษัทได้ศึกษาแผนการเงินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดดในการเพิ่มกำลังการผลิตตามเป้าหมาย 900,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2563 และได้ข้อสรุปว่า เพื่อให้โครงสร้างเงินทุนมีความเข้มแข็ง บริษัทควรเพิ่มทุนประมาณ 98,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสำรวจ พัฒนา รวมทั้งการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกในการหาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้พลังงานของประเทศไทย”
“เนื่องจากราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นราคาที่อ้างอิงกับราคาหุ้นของบริษัทซึ่งทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การกำหนดราคาจะทำโดยวิธี Book Building ซึ่งเป็นการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ระดับราคาต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่มีความโปร่งใส และใช้กันอย่างแพร่หลายในการเสนอขายหุ้นทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ในการกำหนดจำนวนหุ้นสุดท้ายในการเสนอขาย บริษัทพิจารณาจากจำนวนเงินทุนที่ต้องการและราคาเสนอขายสุดท้าย ดังนั้น จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทต้องออกเพิ่ม อาจไม่ถึงจำนวน 650 ล้านหุ้น แต่จะเป็นจำนวนที่ทำให้บริษัทได้รับเงินจำนวนประมาณ 98,000 ล้านบาท ซึ่งขึ้นกับราคาเสนอขายหุ้นที่จะได้มีการกำหนดต่อไป” นายเทวินทร์ กล่าวเสริม
เงินทุนที่จะได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความคล่องตัวทางการเงิน ทำให้บริษัทมีความสามารถในการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ที่มุ่งมั่นสร้างมูลค่าเพิ่มและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ และคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลง
จากแผนการผลิตของบริษัทซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะ 2 – 3 ปีนี้ ทำให้การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะจะสามารถรักษาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะสั้นและเสริมสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ การออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวข้างต้นยังจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2555