ปตท.สผ.เสนอซื้อหุ้น Cove Energyสูงขึ้น 240 เพนซ์ต่อหุ้น หรือคิดเป็นวงเงินรวม 1.22 พันล้านปอนด์ แข่งสู้คู่แข่ง"เชลล์"ที่เสนอซื้อCove ในราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้นเท่ากับปตท.สผ.ในครั้งแรก
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า PTTEP Africa Investment Limited (PTTEP AI) บริษัทลูกของ ปตท.สผ. ได้เสนอซื้อหุ้นสามัญที่ออกแล้วและยังไม่ได้ออกทั้งหมดของ Cove Energy Plc. ที่ราคา 240 เพนซ์ (สกุลเงินปอนด์) ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นสามัญที่ออกแล้วและยังไม่ได้ออกทั้งสิ้น 1,221.4 ล้านปอนด์
การทำคำเสนอซื้อหุ้นครั้งนี้อยู่ในรูปแบบการทำเป็นข้อเสนอ (Takeover Offer) และคณะกรรมการบริษัท Cove มีความเห็นเป็นเอกฉันท์แนะนำผู้ถือหุ้น Cove ว่าให้ยอมรับข้อเสนอนี้ สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ จะมาจากเงินสดคงเหลือของ ปตท.สผ. และวงเงินสินเชื่อที่มีอยู่ในปัจจุบัน
การประกาศการทำคำเสนอนี้ มีอัตราส่วน Enterprise Value/recoverable resources ที่ประมาณ 0.41 – 0.86 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อพันลูกบาศก์ฟุต (ประมาณ 2.48 – 5.18 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ) โดยคำนวณจากปริมาณสำรองของก๊าซธรรมชาติ (recoverable resources) ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก ที่ประมาณ 24 – 50 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งรวมการค้นพบปิโตรเลียมในแหล่ง Golfinho ตามประกาศโดย Cove เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
การปรับขึ้นราคาเสนอซื้อหุ้น Cove ของปตท.สผ.ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก Shell Exploration and Production (XL) B.V. คู่แข่งที่เข้าร่วมประมูลซื้อหุ้น Cove ได้ยื่นเสนอราคาซื้อหุ้นดังกล่าวอีกครั้งที่ราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้น ซึ่งจะมีผลผูกพัน ต่อเมื่อข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ ได้บรรลุตามที่ระบุไว้ในประกาศของ Shell เท่ากับการเสนอครั้งที่แล้วของปตท.สผ.
ทั้งนี้ Cove มีสินทรัพย์หลักคือ การถือครองหุ้นสัดส่วนร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าว เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ การทำคำเสนอซื้อหุ้นครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับ ปตท.สผ. ในการเข้าถึงแหล่งพลังงานในแถบแอฟริกาตะวันออกที่มีศักยภาพทางไฮโดรคาร์บอนสูง ซึ่งมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ที่จะสร้างการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นการต่อยอดยุทธศาสตร์ ของกลุ่ม ปตท. ที่จะเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) ในประเทศไทย ซึ่งมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับการพัฒนาประเทศในอนาคต
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า PTTEP Africa Investment Limited (PTTEP AI) บริษัทลูกของ ปตท.สผ. ได้เสนอซื้อหุ้นสามัญที่ออกแล้วและยังไม่ได้ออกทั้งหมดของ Cove Energy Plc. ที่ราคา 240 เพนซ์ (สกุลเงินปอนด์) ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหุ้นสามัญที่ออกแล้วและยังไม่ได้ออกทั้งสิ้น 1,221.4 ล้านปอนด์
การทำคำเสนอซื้อหุ้นครั้งนี้อยู่ในรูปแบบการทำเป็นข้อเสนอ (Takeover Offer) และคณะกรรมการบริษัท Cove มีความเห็นเป็นเอกฉันท์แนะนำผู้ถือหุ้น Cove ว่าให้ยอมรับข้อเสนอนี้ สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ จะมาจากเงินสดคงเหลือของ ปตท.สผ. และวงเงินสินเชื่อที่มีอยู่ในปัจจุบัน
การประกาศการทำคำเสนอนี้ มีอัตราส่วน Enterprise Value/recoverable resources ที่ประมาณ 0.41 – 0.86 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อพันลูกบาศก์ฟุต (ประมาณ 2.48 – 5.18 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ) โดยคำนวณจากปริมาณสำรองของก๊าซธรรมชาติ (recoverable resources) ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก ที่ประมาณ 24 – 50 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งรวมการค้นพบปิโตรเลียมในแหล่ง Golfinho ตามประกาศโดย Cove เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
การปรับขึ้นราคาเสนอซื้อหุ้น Cove ของปตท.สผ.ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก Shell Exploration and Production (XL) B.V. คู่แข่งที่เข้าร่วมประมูลซื้อหุ้น Cove ได้ยื่นเสนอราคาซื้อหุ้นดังกล่าวอีกครั้งที่ราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้น ซึ่งจะมีผลผูกพัน ต่อเมื่อข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ ได้บรรลุตามที่ระบุไว้ในประกาศของ Shell เท่ากับการเสนอครั้งที่แล้วของปตท.สผ.
ทั้งนี้ Cove มีสินทรัพย์หลักคือ การถือครองหุ้นสัดส่วนร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าว เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ การทำคำเสนอซื้อหุ้นครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับ ปตท.สผ. ในการเข้าถึงแหล่งพลังงานในแถบแอฟริกาตะวันออกที่มีศักยภาพทางไฮโดรคาร์บอนสูง ซึ่งมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ที่จะสร้างการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นการต่อยอดยุทธศาสตร์ ของกลุ่ม ปตท. ที่จะเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) ในประเทศไทย ซึ่งมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับการพัฒนาประเทศในอนาคต