“คมนาคม” เตรียมติดกล้องตรวจจับความเร็วบนทางหลวงสายหลัก, มอเตอร์เวย์, ทางด่วน เอาจริงรถตู้โดยสารขับเร็วเกินกำหนด คาดสรุป ก.ค.นี้ ตั้งเป้าเริ่มใช้ใน 2 เดือน ยอมรับรถตู้เถื่อนมีกว่า 1,000 คันโดยเฉพาะเส้นทาง ขสมก. เหตุมีเงินนอกระบบเบิกทาง
นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมความปลอดภัยในการใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะว่า จากที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ได้มีข้อเสนอแนะเรื่องความปลอดภัยของรถตู้โดยสารสาธารณะ ตลอดจนมาตรฐานและวิธีการทำงานของกระทรวงคมนาคม โดย สป.เห็นว่าควรระงับการจดทะเบียนผู้ประกอบการเพิ่ม และควรเพิ่มมาตรการตรวจจับความเร็วด้วยระบบ RFID นั้น ยืนยันว่าตั้งแต่ปี 2554 ไม่มีการจดทะเบียนรถตู้โดยสารเพิ่มแต่อย่างใด โดยควบคุมจำนวนรถตู้โดยสารของ ขสมก.ไว้ประมาณ 6,000 คัน รถตู้ บขส.ประมาณ 3,100 คัน
ส่วนการควบคุมความเร็วเพื่อความปลอดภัยนั้น กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ GPS และติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วรถบนทางด่วน, ถนนวงแหวนรอบนอก, มอเตอร์เวย์ทุกสาย และถนนสายหลัก เช่น พหลโยธิน, บรมราชชนนี, พระราม 2 โดยทุก 15-20 กม.จะมีกล้องจริง 1 ตัว และเป็นกล้องหลอกสลับอยู่ด้วย ซึ่งจะร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท คาดว่าจะสรุปรายละเอียดและมูลค่าการลงทุนในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ และจะนำร่องใช้จริงภายใน 2 เดือนนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) และกองทุนมอเตอร์เวย์ เบื้องต้นได้หารือกับตำรวจทางหลวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อปรับปรุงเรื่องค่าปรับ โดยจะแบ่งค่าปรับ 10 % มาเป็นกองทุนสำหรับการขยายพื้นที่ติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็ว และอีก 10% สำหรับเป็นค่าดูแลรักษา
“ระบบ RFID ที่ติดตั้งบนมอเตอร์เวย์ก่อนหน้านี้เป็นความสมัครใจ มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบว่ารถอยู่ที่ไหน แต่เนื่องจากปีที่แล้วรถตู้โดยสารเกิดอุบัติเหตุบ่อย จึงปรับมาใช้ประโยชน์ในการตรวจจับความเร็ว ส่วนกล้องตรวจจับความเร็วนั้นจะมีเป้าหมายโดยตรงในการตรวจความเร็วและส่งผลสัญญาณเข้าไปยังกรมขนส่งทางบก (ขบ.) โดยตรงเพื่อเป็นข้อมูล หากยังไม่เสียค่าปรับ ขบ.จะไม่ต่อทะเบียนและระงับการใช้รถได้ ซึ่งขณะนี้บนทางด่วนมีติดตั้งแล้ว โดยจะมีการเชื่อมสัญญาณข้อมูลเข้ามาที่ศูนย์ ขบ.เพียงจุดเดียวเท่านั้น”
รายงานข่าวแจ้งว่า รถตู้เถื่อนขณะนี้มีกว่า 1,000 คัน ซึ่งส่วนใหญ่วิ่งในเส้นทางในความรับผิดชอบขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งเกิดจากความเข้มงวดของ ขสมก.ยังไม่ดี และมีการเรียกเก็บเงินนอกระบบด้วย โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม ได้มอบหมายให้สำรวจจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเส้นทางอีกครั้งเพื่อพิจารณาจำนวนรถที่สอดคล้องกับความต้องการ โดยอาจจะพิจารณาเพิ่มจำนวนรถในเส้นทางที่ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีความเห็นว่าไม่ควรเปิดให้จดทะเบียนเพิ่มเพราะจะเป็นการเพิ่มจำนวนรถไม่สิ้นสุด