ASTVผู้จัดการรายวัน - ขบ.-บขส.-ขสมก.ประกาศความเร็วรถตู้โดยสาร ไม่เกิน 90 กม./ชม. ดีเดย์ 1 เม.ย.ฝ่าฝืนถูกปรับหนัก เผย ติดตั้ง RFID พร้อมนำร่องบนทางด่วนโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ก่อน บขส.เข้มพบรถตู้คันไหนยังไม่ติดตัวรับสัญญาณ RFID ห้ามวิ่ง ส่วนขสมก.เล่นหนักอาจถึงถอนใบอนุญาต
วันนี้ (28 มี.ค.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวความพร้อมในการนำระบบเทคโนโลยี RFID ตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย.2555 โดยนายสมชัย ศิริโชควัฒนา อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ขณะนี้การติดตั้งตัวจับความเร็วบนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็น 3 เส้นทางนำร่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนระยะต่อไปจะติดตั้งบนทางหลวงแผ่นดินในรัศมี 300 กิโลเมตร ก่อนขยายครอบคลุมทั่วประเทศไทย รวมถึงการบังคับใช้กับรถสาธารณะด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของความเร็วที่จะควบคุมนั้น กรมการขนส่งทางบกได้ยึดตามหลักมาตรฐานที่ตำรวจกำหนด คือ ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากฝ่าฝืนจะถูกปรับ 5,000 บาท และหากพบการกระทำผิดซ้ำจะถูกปรับ 10,000 บาท พร้อมทั้งถอนใบอนุญาตออกจากระบบ นอกจากนี้ ในส่วนของ บขส.และ ขสมก.จะมีการลงโทษเพิ่มเติมอีกด้วย คือ หากทำผิดนอกจากถูก ขบ.ปรับ 5,000 บาทแล้ว จะต้องถูก บขส.ปรับอีก 5,000 บาท ตามสัญญาเดินรถอีกด้วย
โดยปัจจุบันรถตู้โดยสารสาธารณะที่ให้บริการในระบบมีเกือบ 10,000 คัน ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ดำเนินการติดตั้ง RFID Tag แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาได้ทำการประชาสัมพันธ์และประสานกับ บขส.และ ขสมก.ให้แจ้งผู้ประกอบการที่รับสัมปทานเดินรถให้เร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือไปยังผู้โดยสารว่าหากพบรถตู้สาธารณะคันกระทำผิดในการขับรถเร็วเกินมาตรฐานที่กำหนดสามารถแจ้งได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ 1584 และในส่วนของ ขสมก.184 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้ทำประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ก็ได้ดำเนินการแล้วส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการรายใดไม่ติดตั้งระบบ RFID ภายในวันที่ 1 เม.ย.นี้ จะไม่ได้รับอนุญาตเดินรถในช่วงเทศกาลสงสงกรานต์
ด้าน นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ผู้ประกอบการรถตู้ในส่วนของ ขสมก.ได้ดำเนินการติดตั้งระบบ RFID แล้วประมาณ 2,000 คัน จากทั้งหมด 5,000 คัน โดยหากรายใดยังไม่ติดตั้ง RFID Tag วันที่ 1 เม.ย.นี้จะไม่อนุญาตให้เดินรถและอาจจะถึงขั้นถอดใบอนุญาตด้วย เนื่องจากมาตราดังกล่าวเป็นการควบคุมความเร็ว และคุ้มครองผู้โดยสาร