ASTVผู้จัดการรายวัน -ขบ.-บขส. ขสมก.ประกาศความเร็วรถตู้โดยสาร ไม่เกิน 90 กม./ชม. ดีเดย์ 1เม.ย.ฝ่าฝืนถูกปรับหนัก เผยติดตั้ง RFID พร้อมนำร่องบนทางด่วน โทลล์เวย์และมอเตอร์เวย์ก่อน ระบุโทษหนักอาจถึงถอนใบอนุญาต ขณะที่กระทรวงพลังงานถกหาทางล้อมคอกอุบัติเหตุรถขนส่งก๊าซแอลพีจีพลิกคว่ำถี่ โยนสนข.ศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดพื้นที่ชุมชนห้ามรถขนส่งก๊าซแอลพีจีวิ่ง และให้วิ่งได้เฉพาะกลางคืนเท่านั้น จ่อคุมอายุรถขนส่งก๊าซฯไม่เกิน 15ปี
วานนี้ (28 มี.ค.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวความพร้อมในการนำระบบเทคโนโลยี RFID ตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ยง 2555 โดยนายสมชัย ศิริโชควัฒนา อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยว่า ขณะนี้การติดตั้งตัวจับความเร็วบนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็น 3เส้นทางนำร่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนระยะต่อไปจะติดตั้งบนทางหลวงแผ่นดินในรัศมี 300 กิโลเมตร ก่อนขยายครอบคลุมทั่วประเทศไทย รวมถึงการบังคับใช้กับรถสาธารณะด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของความเร็วที่จะควบคุมนั้น กรมการขนส่งทางบกได้ยึดตามหลักมาตรฐานที่ตำรวจกำหนด คือ ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากฝ่าฝืนจะถูกปรับ 5,000 บาท และหากพบการกระทำผิดซ้ำจะถูกปรับ 10,000 บาท พร้อมทั้งถอนใบอนุญาตออกจากระบบ นอกจากนี้ ในส่วนของ บขส.และ ขสมก.จะมีการลงโทษเพิ่มเติมอีกด้วย คือ หากทำผิดนอกจากถูกขบ.ปรับ 5,000 บาทแล้วจะต้องถูก บขส.ปรับอีก 5,000 บาทตามสัญญาเดินรถอีกด้วย
โดยปัจจุบันรถตู้โดยสารสาธารณะที่ให้บริการในระบบมีเกือบ 10,000 คัน ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ดำเนินการติดตั้ง RFID Tag แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาได้ทำการประชาสัมพันธ์และประสานกับ บขส.และ ขสมก.ให้แจ้งผู้ประกอบการที่รับสัมปทานเดินรถให้เร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือไปยังผู้โดยสารว่าหากพบรถตู้สาธารณะคันกระทำผิดในการขับรถเร็วเกินมาตรฐานที่กำหนดสามารถแจ้งได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ 1584 และในส่วนของ ขสมก. 184 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่าที่ผ่านมาได้ทำประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ก็ได้ดำเนินการแล้วส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการรายใดไม่ติดตั้งระบบ RFID ภายในวันที่ 1 เม.ย.นี้ จะไม่ได้รับอนุญาตเดินรถในช่วงเทศกาลสงสงกรานต์
ด้านนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ผู้ประกอบการรถตู้ในส่วนของ ขสมก.ได้ดำเนินการติดตั้งระบบ RFID แล้วประมาณ 2,000 คัน จากทั้งหมด 5,000 คัน โดยหากรายใดยังไม่ติดตั้ง RFID Tag วันที่ 1 เม.ย.นี้จะไม่อนุญาตให้เดินรถและอาจจะถึงขั้นถอดใบอนุญาตด้วย เนื่องจากมาตราดังกล่าวเป็นการควบคุมความเร็ว และคุ้มครองผู้โดยสาร
***ก.พลังงานล้อมคอกรถขนแก๊สบึ้ม
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดรถขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) พลิกคว่ำบ่อยครั้ง ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการเพิ่มความปลอดภัยทั้งสถานีบริการฯและการขนส่งแก๊สแอลพีจีให้ดีขึ้นโดยเฉพาะพนักงานขับรถ นอกจากนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะเก็บเงินในส่วนน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันฯมากกว่า 1 บาทต่อลิตร เนื่องจากต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและช่วงนี้ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงด้วย ส่วนการนำเข้าน้ำมันปาล์มนั้นอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากกระทรวงพาณิชย์ว่าต้องการให้นำเข้าจำนวนเท่าใด ซึ่งเบื้องต้นปตท.จะนำเข้าในรูปของน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ( RBD)จากประเทศอินโดนีเซีย ใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 7 วัน โดยน้ำมันปาล์มRBD นำเข้าจะเข้าสู่กระบวนการกลั่น มั่นใจว่าราคาขายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่เกิน 42 บาทต่อลิตร ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ระบุไว้
นายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมฯได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร กรมการประกันภัย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร (สนข.)เพื่อวางมาตรการป้องกันและเพิ่มความปลอดภัยโดยมีการพิจารณาว่าควรจะกำหนดอายุของรถขนส่งก๊าซแอลพีจีว่าไม่ควรมีอายุเกิน 15ปีหรือไม่ รวมทั้งมีการตรวจเข้มพนักงานขับรถเกี่ยวกับแอลกอฮอร์และยาเสพติด แม้ว่าในช่วงเทศกาลจะมีการคุมเข้มในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยกรมขนส่งทางบกจะนำเรื่องดังกล่าวไปศึกษาและนำเสนอในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 11 เม.ย.นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังได้พิจารณากำหนดเส้นทางและช่วงเวลาที่รถขนส่งก๊าซแอลพีจี โดยอาจจะห้ามวิ่งในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น และกำหนดช่วงเวลาการวิ่งรถขนส่งก๊าซแอลพีจีในช่วงเวลากลางคืนเช่นเดียวกับรถขนส่งน้ำมันที่วิ่งได้เฉพาะเวลา 22.00-05.00 น. จากเดิมที่รถขนส่งก๊าซแอลพีจีอนุญาตให้วิ่งได้ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. และห้ามวิ่งในข่วงเวลา 15.00-21.00 น.และเวลา 05.00-09.00 น. ซึ่งทางสนข.จะไปศึกษาและนำเสนอในครั้งต่อไป
ปัจจุบันจำนวนรถขนส่งก๊าซแอลพีจีรวมทั้งประเทศ 1,546 คัน เป็นรถขนส่งก๊าซในเขตกรุงเทพฯ 891 คันและต่างจังหวัด 655 คัน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการประสานความร่วมมือและสร้างความมั่นใจกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นหนึ่งใน คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในระดับ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงในอิหร่านแต่หากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ มีผลทำให้น้ำมันดิบ 17 ล้านบาร์เรลต่อวันไม่สามารถส่งออกได้ จะทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นไปแตะ 180-200 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่คงเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งกระทรวงพลังงานได้มีการเตรียมพร้อมโดยขอความร่วมมือโรงกลั่นและผู้ประกอบการน้ำมันในการเก็บสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันใช้ได้นานขึ้นแม้ว่าจะเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางก็ตาม
ขณะเดียวกัน ราคาขายปลีกน้ำมันในไทยก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่นๆที่ต้องนำเข้าพลังงานสุทธิเช่นเดียวไทย แต่อย่าไปเปรียบเทียบราคาน้ำมันกับประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันอย่างมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการส่งออกน้ำมันและได้รับการอุดหนุนราคาอยู่แล้ว
ส่วนราคาก๊าซแอลพีจีและก๊าซเอ็นจีวีนั้น รัฐบาลพยายามที่จะลดการอุดหนุนเพื่อสะท้อนราคาที่แท้จริงนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาแอลพีจีที่ไทยใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นถูกกว่าราคาแอลพีจีในมาเลเซียเสียอีก หากรัฐยังอุดหนุนแอลพีจีเช่นนี้เชื่อว่า วงเงินกู้ใหม่ของกองทุนน้ำมันฯอีก 2หมื่นล้านบาทเพื่อมาเพิ่มสภาพคล่อง ก็คงไม่เพียงพอคงต้องก่อหนี้เพิ่มสูงกว่านี้อีก
วานนี้ (28 มี.ค.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวความพร้อมในการนำระบบเทคโนโลยี RFID ตรวจจับความเร็วรถตู้โดยสารสาธารณะ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ยง 2555 โดยนายสมชัย ศิริโชควัฒนา อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยว่า ขณะนี้การติดตั้งตัวจับความเร็วบนทางด่วน ทางยกระดับโทลล์เวย์ และมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็น 3เส้นทางนำร่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนระยะต่อไปจะติดตั้งบนทางหลวงแผ่นดินในรัศมี 300 กิโลเมตร ก่อนขยายครอบคลุมทั่วประเทศไทย รวมถึงการบังคับใช้กับรถสาธารณะด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของความเร็วที่จะควบคุมนั้น กรมการขนส่งทางบกได้ยึดตามหลักมาตรฐานที่ตำรวจกำหนด คือ ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากฝ่าฝืนจะถูกปรับ 5,000 บาท และหากพบการกระทำผิดซ้ำจะถูกปรับ 10,000 บาท พร้อมทั้งถอนใบอนุญาตออกจากระบบ นอกจากนี้ ในส่วนของ บขส.และ ขสมก.จะมีการลงโทษเพิ่มเติมอีกด้วย คือ หากทำผิดนอกจากถูกขบ.ปรับ 5,000 บาทแล้วจะต้องถูก บขส.ปรับอีก 5,000 บาทตามสัญญาเดินรถอีกด้วย
โดยปัจจุบันรถตู้โดยสารสาธารณะที่ให้บริการในระบบมีเกือบ 10,000 คัน ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ดำเนินการติดตั้ง RFID Tag แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาได้ทำการประชาสัมพันธ์และประสานกับ บขส.และ ขสมก.ให้แจ้งผู้ประกอบการที่รับสัมปทานเดินรถให้เร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือไปยังผู้โดยสารว่าหากพบรถตู้สาธารณะคันกระทำผิดในการขับรถเร็วเกินมาตรฐานที่กำหนดสามารถแจ้งได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ 1584 และในส่วนของ ขสมก. 184 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่าที่ผ่านมาได้ทำประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ก็ได้ดำเนินการแล้วส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการรายใดไม่ติดตั้งระบบ RFID ภายในวันที่ 1 เม.ย.นี้ จะไม่ได้รับอนุญาตเดินรถในช่วงเทศกาลสงสงกรานต์
ด้านนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ผู้ประกอบการรถตู้ในส่วนของ ขสมก.ได้ดำเนินการติดตั้งระบบ RFID แล้วประมาณ 2,000 คัน จากทั้งหมด 5,000 คัน โดยหากรายใดยังไม่ติดตั้ง RFID Tag วันที่ 1 เม.ย.นี้จะไม่อนุญาตให้เดินรถและอาจจะถึงขั้นถอดใบอนุญาตด้วย เนื่องจากมาตราดังกล่าวเป็นการควบคุมความเร็ว และคุ้มครองผู้โดยสาร
***ก.พลังงานล้อมคอกรถขนแก๊สบึ้ม
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดรถขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) พลิกคว่ำบ่อยครั้ง ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการเพิ่มความปลอดภัยทั้งสถานีบริการฯและการขนส่งแก๊สแอลพีจีให้ดีขึ้นโดยเฉพาะพนักงานขับรถ นอกจากนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะเก็บเงินในส่วนน้ำมันเบนซินเข้ากองทุนน้ำมันฯมากกว่า 1 บาทต่อลิตร เนื่องจากต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและช่วงนี้ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงด้วย ส่วนการนำเข้าน้ำมันปาล์มนั้นอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากกระทรวงพาณิชย์ว่าต้องการให้นำเข้าจำนวนเท่าใด ซึ่งเบื้องต้นปตท.จะนำเข้าในรูปของน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ( RBD)จากประเทศอินโดนีเซีย ใช้ระยะเวลาในการขนส่ง 7 วัน โดยน้ำมันปาล์มRBD นำเข้าจะเข้าสู่กระบวนการกลั่น มั่นใจว่าราคาขายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่เกิน 42 บาทต่อลิตร ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ระบุไว้
นายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมฯได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร กรมการประกันภัย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร (สนข.)เพื่อวางมาตรการป้องกันและเพิ่มความปลอดภัยโดยมีการพิจารณาว่าควรจะกำหนดอายุของรถขนส่งก๊าซแอลพีจีว่าไม่ควรมีอายุเกิน 15ปีหรือไม่ รวมทั้งมีการตรวจเข้มพนักงานขับรถเกี่ยวกับแอลกอฮอร์และยาเสพติด แม้ว่าในช่วงเทศกาลจะมีการคุมเข้มในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว โดยกรมขนส่งทางบกจะนำเรื่องดังกล่าวไปศึกษาและนำเสนอในการประชุมครั้งหน้าในวันที่ 11 เม.ย.นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังได้พิจารณากำหนดเส้นทางและช่วงเวลาที่รถขนส่งก๊าซแอลพีจี โดยอาจจะห้ามวิ่งในพื้นที่ชุมชนหนาแน่น และกำหนดช่วงเวลาการวิ่งรถขนส่งก๊าซแอลพีจีในช่วงเวลากลางคืนเช่นเดียวกับรถขนส่งน้ำมันที่วิ่งได้เฉพาะเวลา 22.00-05.00 น. จากเดิมที่รถขนส่งก๊าซแอลพีจีอนุญาตให้วิ่งได้ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. และห้ามวิ่งในข่วงเวลา 15.00-21.00 น.และเวลา 05.00-09.00 น. ซึ่งทางสนข.จะไปศึกษาและนำเสนอในครั้งต่อไป
ปัจจุบันจำนวนรถขนส่งก๊าซแอลพีจีรวมทั้งประเทศ 1,546 คัน เป็นรถขนส่งก๊าซในเขตกรุงเทพฯ 891 คันและต่างจังหวัด 655 คัน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการประสานความร่วมมือและสร้างความมั่นใจกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นหนึ่งใน คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในระดับ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงในอิหร่านแต่หากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ มีผลทำให้น้ำมันดิบ 17 ล้านบาร์เรลต่อวันไม่สามารถส่งออกได้ จะทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นไปแตะ 180-200 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่คงเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งกระทรวงพลังงานได้มีการเตรียมพร้อมโดยขอความร่วมมือโรงกลั่นและผู้ประกอบการน้ำมันในการเก็บสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันใช้ได้นานขึ้นแม้ว่าจะเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางก็ตาม
ขณะเดียวกัน ราคาขายปลีกน้ำมันในไทยก็อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ได้สูงกว่าประเทศอื่นๆที่ต้องนำเข้าพลังงานสุทธิเช่นเดียวไทย แต่อย่าไปเปรียบเทียบราคาน้ำมันกับประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันอย่างมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการส่งออกน้ำมันและได้รับการอุดหนุนราคาอยู่แล้ว
ส่วนราคาก๊าซแอลพีจีและก๊าซเอ็นจีวีนั้น รัฐบาลพยายามที่จะลดการอุดหนุนเพื่อสะท้อนราคาที่แท้จริงนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาแอลพีจีที่ไทยใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นถูกกว่าราคาแอลพีจีในมาเลเซียเสียอีก หากรัฐยังอุดหนุนแอลพีจีเช่นนี้เชื่อว่า วงเงินกู้ใหม่ของกองทุนน้ำมันฯอีก 2หมื่นล้านบาทเพื่อมาเพิ่มสภาพคล่อง ก็คงไม่เพียงพอคงต้องก่อหนี้เพิ่มสูงกว่านี้อีก