“ทรูวิชั่นส์” ตอกหน้าอากู๋ ซิวสิทธิ์ NFL กลับคืนยาว 4 ปี เหตุเจ้าของลิขสิทธิ์เชื่อทรูวิชั่นส์ตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า ส่วนจอดำฟุตบอลยูโร ชี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคนไทย
นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของทรูวิชั่นส์ที่จะมีการคัดสรรคอนเทนต์ดีๆ มีคุณภาพมานำเสนอแก่สมาชิกนั้น โดยเฉพาะในส่วนของคอนเทนต์กีฬา ล่าสุดได้คว้า “NFL” ลีกอเมริกันฟุตบอลกลับสู่รูปแบบเดิมในช่อง ASN และคอนเทนต์กีฬาระดับโลกอย่างฮอกกี้น้ำแข็ง NHL และกีฬาระดับมหาวิทยาลัย NCAA เริ่ม 1 ก.ค นี้
“เดิม NFL เคยอยู่กับเรามาตั้งแต่ 4 ปีก่อน โดยเป็นการเซ็นสัญญาระยะยาว 3 ปี แต่ในฤดูกาลปีที่ผ่านมาตกไปอยู่ที่แกรมมี่ แต่ปีนี้เราได้เจรจากับผู้บริหารระดับสูงของช่อง ASN ทำให้ NFL กลับมาสู่ทรูวิชั่นส์อีกครั้งยาว 4 ปี”
สมาชิกทรูวิชั่นส์จะได้รับชมอเมริกันฟุตบอล NFL ฤดูกาลใหม่ใน 3 กลุ่มแพกเกจหลัก คือ 1. แพลทินัมแพกเกจ ผ่านช่องทรูสปอร์ตเอชดี, ทรูสปอร์ต 3 และช่องเอเอสเอ็น 2. โกลด์แพกเกจ รับชมผ่านช่องทรูสปอร์ต 3 และสั่งซื้อเพิ่มเพื่อรับชมผ่านระบบเอชดีได้ทางช่องทรูสปอร์ต เอชดี และ 3. โกลด์ไลฟ์ รับชมผ่านช่องเอเอสเอ็น ซึ่งทั้ง 3 ช่องรวมกันมีฐานสมาชิกกว่า 4 แสนครัวเรือน
ด้านนายลอเรนซ์ ชุง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เยสเทเลวิชั่น เอเชีย จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ช่อง ASN ในเอเชีย กล่าวว่า การที่ ASN ได้ให้สิทธิ์ลีก NFL แก่ทรูวิชั่นส์ครั้งนี้เพราะเห็นศักยภาพของแพลตฟอร์มดังกล่าว อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายก็ตรงกันมากกว่า ขณะที่ก่อนหน้านี้อยู่กับทางแกรมมี่ เริ่มจาก ก.ย. 54-ก.พ. 55 หรือเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
นายองอาจกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีจอดำฟุตบอลยูโรที่เกิดขึ้น ในส่วนของทรูวิชั่นส์ยังไม่พบปัญหาจากสมาชิก ซึ่งหลังจากที่ทางทรูวิชั่นส์แก้ไขสถานการณ์ด้วยการนำเสนอช่องรายการและปรับแพกเกจเพิ่มให้ดูฟรีตลอด 1 เดือนนั้น พบว่าลูกค้ามีความพึงพอใจอย่างมาก
แต่บทเรียนจากยูโรครั้งนี้คนไทยควรได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน กล่าวคือ เรื่องนี้ต้องมีการสื่อสารไปยังสมาชิกและคนไทยทั่วประเทศให้รับทราบถึงบทบาทของฟรีทีวี ว่าจริงๆ แล้วคำว่าฟรีทีวี แปลได้ว่า คนไทยต้องได้ดูฟรีไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบหรือแพลตฟอร์มใดก็ตาม
จากกรณีที่เกิดขึ้น เราเป็นเพียงปลายน้ำเท่านั้น และที่สำคัญที่ผ่านมาไม่เคยได้รับจดหมายหรือหนังสือแจ้งเตือนว่าจะถูกจอดำแต่อย่างใด เพียงรับรู้จากสื่อ ที่สำคัญเรามองว่ากีฬาที่มีไว้เพื่อมวลมนุษยชาติที่จะต้องได้ดูนั้น ทางทรูวิชั่นส์ไม่เคยมีนโยบายที่จะเข้าไปประมูลเพื่อได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดแต่อย่างใด ทั้งที่เรามีทุนเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นโอลิมปิก ฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร ก็ตาม” นายองอาจกล่าว
