ขสมก.อ่วมขาดทุนวันละ 14 ล้านบาท เหตุรถเสียจอดรอซ่อมกว่า 800 คัน เผยมีนาคมเดือนเดียวขาดทุนกว่า 400 ล้านบาท ต้องเปิดให้เอกชนหารถช่วยวิ่งแทนบางเส้นทาง
แหล่งข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ขสมก.กำลังประสบปัญหาขาดทุน โดยผลดำเนินงานในเดือนมีนาคม 2555 ขาดทุนกว่า 400 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 14 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปัญหาจำนวนรถให้บริการมีน้อย โดยปัจจุบันขสมก.มีรถโดยสารประจำการจำนวน 3,549 คัน แต่มีรถที่สามารถวิ่งบริการได้จริงเพียง 2,790 คัน ที่เหลือไม่สามารถวิ่งให้บริการได้ เนื่องจากมีสภาพเก่าและผ่านการใช้งานมานานจึงเกิดการชำรุดและต้องจอดรอซ่อมเป็นจำนวนมาก แบ่งเป็นรถธรรมดา 1,579 คัน วิ่งจริง 1,462 คัน รถปรับอากาศ 613 คัน วิ่งจริง 225 คัน รถยูโรทู 1,237 คัน วิ่งจริง 996 คัน และรถ PBC 120 คัน วิ่งจริง 111 คัน
ทั้งนี้ ขสมก.มีความประสงค์จะเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมเดินรถโดยสารปรับอากาศ (มาตรฐาน 2) จำนวน 1 เส้นทาง สาย 513 สำโรง-รังสิต (ทางด่วน) จำนวน 10-20 คัน โดยผู้ประกอบการต้องมีคุณสมบัติตามระเบียบองค์การว่าด้วยการบริหารจัดการเดินรถและกำกับดูแลรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ พ.ศ. 2550 ดังนี้ เป็นนิติบุคคล สัญชาติไทย มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท มีหลักฐานกรรมสิทธิ์ครอบครองรถ มีอู่จอดรถและสำนักงานเพียงพอกับจำนวนรถที่เข้าร่วมเดินรถ และมีต้นทาง ปลายทาง ที่เหมาะสมไม่กีดขวางการจราจร สำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ต้องมีแผนการเดินรถ การบริการ พัฒนาบุคลากร ซ่อมบำรุง ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ไม่มีหนี้ค้างชำระและคดีความกับ ขสมก.
โดยรถโดยสารที่เข้าร่วมต้องเป็นรถใหม่ที่มีเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG สามารถนำรถเข้าวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ภายใน 180 วันนับตั้งแต่วันทำสัญญา และต้องวางหลักประกันสัญญา หลักประกันความเสียหายตามที่องค์การกำหนด และจัดทำประกันภัยประเภท 3 วงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่าที่องค์การกำหนด โดยมีอายุสัญญาการเข้าร่วมเดินรถ 15 ปี กำหนดยื่นความประสงค์เข้าร่วมเดินรถ พร้อมเอกสารข้างต้นที่ฝ่ายการเดินรถเอกชนร่วมบริการภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 30 ก.ค. 2555
แหล่งข่าวจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ขสมก.กำลังประสบปัญหาขาดทุน โดยผลดำเนินงานในเดือนมีนาคม 2555 ขาดทุนกว่า 400 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 14 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักมาจากปัญหาจำนวนรถให้บริการมีน้อย โดยปัจจุบันขสมก.มีรถโดยสารประจำการจำนวน 3,549 คัน แต่มีรถที่สามารถวิ่งบริการได้จริงเพียง 2,790 คัน ที่เหลือไม่สามารถวิ่งให้บริการได้ เนื่องจากมีสภาพเก่าและผ่านการใช้งานมานานจึงเกิดการชำรุดและต้องจอดรอซ่อมเป็นจำนวนมาก แบ่งเป็นรถธรรมดา 1,579 คัน วิ่งจริง 1,462 คัน รถปรับอากาศ 613 คัน วิ่งจริง 225 คัน รถยูโรทู 1,237 คัน วิ่งจริง 996 คัน และรถ PBC 120 คัน วิ่งจริง 111 คัน
ทั้งนี้ ขสมก.มีความประสงค์จะเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมเดินรถโดยสารปรับอากาศ (มาตรฐาน 2) จำนวน 1 เส้นทาง สาย 513 สำโรง-รังสิต (ทางด่วน) จำนวน 10-20 คัน โดยผู้ประกอบการต้องมีคุณสมบัติตามระเบียบองค์การว่าด้วยการบริหารจัดการเดินรถและกำกับดูแลรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ พ.ศ. 2550 ดังนี้ เป็นนิติบุคคล สัญชาติไทย มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท มีหลักฐานกรรมสิทธิ์ครอบครองรถ มีอู่จอดรถและสำนักงานเพียงพอกับจำนวนรถที่เข้าร่วมเดินรถ และมีต้นทาง ปลายทาง ที่เหมาะสมไม่กีดขวางการจราจร สำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ต้องมีแผนการเดินรถ การบริการ พัฒนาบุคลากร ซ่อมบำรุง ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ไม่มีหนี้ค้างชำระและคดีความกับ ขสมก.
โดยรถโดยสารที่เข้าร่วมต้องเป็นรถใหม่ที่มีเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG สามารถนำรถเข้าวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ภายใน 180 วันนับตั้งแต่วันทำสัญญา และต้องวางหลักประกันสัญญา หลักประกันความเสียหายตามที่องค์การกำหนด และจัดทำประกันภัยประเภท 3 วงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่าที่องค์การกำหนด โดยมีอายุสัญญาการเข้าร่วมเดินรถ 15 ปี กำหนดยื่นความประสงค์เข้าร่วมเดินรถ พร้อมเอกสารข้างต้นที่ฝ่ายการเดินรถเอกชนร่วมบริการภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 30 ก.ค. 2555
