xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.โกร่ง” แนะปรับแนวคิดผู้วางนโยบาย ศก. ก้าวข้ามยุคการลงทุนต่ำกว่าเงินออม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วีระพงษ์ รามางกูร
“วีรพงษ์” แนะปรับแนวคิดผู้วางนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยปรับตัวจากประเทศที่มีการลงทุนต่ำกว่าเงินออมยาวนานตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นประเทศที่มีการลงทุนมากขึ้น พร้อมขยายสู่เพื่อนบ้านเพื่อรับมือ AEC ในอีก 3 ปีข้างหน้า

นายวีรพงษ์ รามางกูร ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ บรรยายพิเศษเรื่อง “อนาคตประเทศไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (AEC) โดยมองว่า การเปลี่ยนแนวคิดของผู้วางนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ไทยปรับตัวจากประเทศที่มีการลงทุนต่ำกว่าเงินออมตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ให้เป็นประเทศที่มีการลงทุนมากขึ้น ซึ่งการลงทุนถือเป็นหัวใจสำคัญในการรองรับ AEC ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า

“การลงทุนจึงถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เพราะไม่เช่นนั้นค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปเรื่อยๆ หากไม่ใช้เงินออมอย่างพอเพียง ประจวบกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเกิดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นสองอย่างนี้จะเปิดโอกาสให้ไทย ขณะที่ไทยก็มีทรัพยากรทางการเงินอย่างเหลือเฟือจึงถือว่าเป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะแข่งขันกับเวทีนานาประเทศได้”

การเกิด AEC จะทำให้การเจรจาของอาเซียนกับกลุ่มอื่นมีความเข้มแข็งขึ้น และทำให้อาเซียนมีความรู้สึกร่วมในเรื่องผลประโยชน์มากขึ้น ขณะที่ภายในกลุ่มอาเซียนเองก็ต้องมีการแข่งขันกันเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์ ก็จะทำให้ความสำคัญในอาเซียนในเวทีการค้ามีมากขึ้น เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าการที่อาเซียนจะไปเจรจาการค้าเสรีกับภูมิภาคอื่น อาจทำให้ไทยไม่ได้รับประโยชน์เชิงทวิภาคี แต่จะได้รับประโยชน์ในเชิงส่วนรวมในกลุ่มอาเซียน

“เมื่ออาเซียนเปิด FTA กับจีน สหรัฐฯ หรืออียู เราคงจะไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดในการเจรจาทวิภาคี แต่จะได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอาเซียน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ส่วนรวม ต่อไปถ้าแข่งขันมากขึ้น แต่โอกาสที่คนอื่นจะสู้เราไม่ได้ก็มี เพราะฉะนั้นเตรียมสตางค์ไปเทกโอเวอร์บริษัทในสิงคโปร์ไว้ได้แล้ว”

อย่างไรก็ดี นายวีรพงษ์มองว่า การเกิด AEC ในปี 2558 เชื่อว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เนื่องจากข้อตกลงเป็นการทยอยดำเนินการต่อเนื่อง แต่การเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นได้ก่อนคือการแข่งขันของบริษัทต่างๆ ในอาเซียนที่จะมีมากขึ้น บริษัทที่มีศักยภาพมากก็จะอยู่ได้ บริษัทที่มีศักยภาพน้อยก็จะหมดไป แต่ละประเทศมีการปรับกฎระเบียบการบริหารจากอุปสรรคการค้าทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษีเพื่อให้ภาคธุรกิจได้เปรียบการแข่งขัน, คุณภาพแรงงานที่จะต้องสูงขึ้น และระดับการศึกษาของบุคลากร

ดังนั้น เมื่อเราสามารถเห็นภาพความแข็งแกร่งของอาเซียนในการรวมกันเป็นระบบเศรษฐกิจเดียวกันแล้ว ก็มีโอกาสที่จะทำให้อาเซียนมีความเข้มแข็งในระดับภูมิภาคเหมือนเช่นการรวมกลุ่มของยุโรป หรือสหรัฐฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น