เอกชนชี้การตรึงราคาสินค้าของรัฐไม่ใช่การแก้ปัญหาควรปล่อยให้สะท้อนกลไกตลาด ท้าพาณิชย์เช็กราคาสินค้าหน้าโรงงาน ราคาขยับน้อยมากหากเทียบกับราคาปลายทางที่ต่างกันสูงถึง 30% ไล่ให้ไปดูปัญหากลางทางว่าเกิดอะไรขึ้น
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาราคาสินค้าแพงจนทำให้กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ผลิตตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคออกไปอีก 4 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้นั้น หากพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วราคาสินค้าหน้าโรงงานเฉลี่ยไม่ได้ปรับขึ้นสูงแต่อย่างใด และเมื่อเทียบกับราคาสินค้าหน้าโรงงานกับส่วนต่างราคาสินค้าปลายทางที่จำหน่ายในห้างร้าน เฉลี่ยราคาจะสูงกว่าถึง 30% ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ควรจะไปพิจารณาในประเด็นดังกล่าวว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง
“ผมคิดว่าพาณิชย์น่าจะไปสำรวจราคาหน้าโรงงานดูแล้วจะพบว่าราคาไม่ได้ปรับมากเลย ทั้งที่ถ้าดูโครงสร้างต้นทุนภาคการผลิตสูงขึ้นจริงทั้งวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ค่าแรง แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงไม่มีใครอยากจะขึ้นราคา และที่ขึ้นไปแล้วน้อยมากที่จะครอบคลุมต้นทุนทั้งหมดได้เพราะเวลานี้ตลาดในประเทศเองแรงซื้อยังค่อนข้างต่ำ แม้ว่ารัฐจะขึ้นค่าแรงแล้วแต่เพิ่งเป็นเดือนแรกที่ได้รับคือเมษายน ขณะที่ค่าน้ำมัน ค่ารถ ค่าไฟฟ้า สูงขึ้น ทำให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายซื้อแต่ของจำเป็น ยิ่งเดือนเมษายน-พฤษภาคมแล้วประชาชนยิ่งประหยัดเพื่อนำเงินมาเป็นค่าเทอมลูก” นายธนิตกล่าว
นายทวี ปิยวัฒนา รองประธาน ส.อ.ท.และประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็งแบรนด์ “PFP” กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวแล้ว การที่รัฐให้มีการตรึงราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคออกไป 4 เดือนนั้นถือว่าไม่มีเหตุผล ควรปล่อยให้ราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกการตลาดและการแข่งขันจะดีที่สุดและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพราะหากธุรกิจอยู่ไม่ได้สินค้าก็จะน้อยการแข่งขันต่ำที่สุดประชาชนจะไม่มีของใช้และราคาแพง
“ตลาดภาพรวมของไทย สินค้าส่วนใหญ่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงไม่มีใครอยากจะปรับราคาหรอก และถ้าปรับก็ต้องดูว่ามีเหตุผลไหม กรณีอาหารที่ต้องใช้ปลาทะเลเป็นวัตถุดิบบอกเลยว่าปลาแพงขึ้นเพราะเราต้องนำเข้าทั้งหมด แล้วค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นอีก ค่าพลังงานต่างๆ ราคาย่อมสูงขึ้นเป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างก็ต้องสะท้อนกลไกของความเป็นจริง การที่จะให้ตรึงราคาสินค้านักการเมืองพูดได้เพราะไม่ได้เดือดร้อน แล้วเอกชนเจ๊งจะรับผิดชอบไหม” นายทวีกล่าว
