ASTVผู้จัดการรายวัน- “พาณิชย์” ประกาศรับสมัครร้านโชวห่วยเข้าร่วมโครงการ “ร้านถูกใจ” สัปดาห์หน้า วางเงื่อนไขไม่ยาก เป็นร้านค้าขายเดิม มีพื้นที่ว่าง 6 ตารางเมตร โดยรัฐจะช่วยสนับสนุนชั้นวางและตกแต่งร้านให้ คาด เปิดตัวร้านแรกได้ 19 เม.ย.นี้ “บุญทรง” สั่งลดงบจ้างคน เอาไปช่วยงบจัดซื้อสินค้าแทน ไม่สนผู้ประกอบการร้องศาลปกครอง กรณีผลิตสินค้าเฮาส์แบรนด์แข่ง เหตุเป้าหมายต้องการช่วยค่าครองชีพชัดเจน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชน เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการโชวห่วยช่วยชาติ ภายใต้ชื่อ “ร้านถูกใจ” วันนี้ (28 มี.ค.) ว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ไปจัดทำกรอบคุณสมบัติเพื่อรับสมัครร้านค้า และผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) ที่จะเข้าร่วมโครงการ และให้กำหนดรูปแบบร้านค้า ตราสัญลักษณ์ร้านค้า จากนั้นให้ออกประกาศรับสมัครให้ได้ประมาณสัปดาห์หน้า และจะเปิดตัวร้านแรกได้วันที่ 19 เม.ย.2555 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ทั้งนี้ เงื่อนไขร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นกำหนดให้เป็นร้านค้าที่ทำการค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่ก่อนแล้ว และต้องมีพื้นที่สำหรับวางขายสินค้าภายใต้โครงการประมาณ 6 ตารางเมตร โดยร้านค้าที่ได้รับการคัดเลือก กระทรวงจะสนับสนุนชั้นวางสินค้า ช่วยในการตกแต่งร้านค้า และสามารถที่จำหน่ายสินค้าเดิมของตนเองได้ตามปกติ ไม่มีการห้ามแต่อย่างใด
สำหรับสินค้าที่จะจำหน่ายในร้านถูกใจ เบื้องต้นกำหนดไว้ 20 รายการ ได้แก่ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ผงชูรส น้ำปลา ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมยูเอชที ซอสปรุงรส เนื้อสุกร เนื้อไก่ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ผงซักฟอก แป้งผงโรยตัว น้ำยาล้างจาน ผ้าอนามัย ยากำจัดยุงและแมลง โดยราคาจำหน่ายต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไปประมาณ 20% และเห็นว่า ไม่ควรจะจำกัดสินค้าเพียงแค่นี้ ให้เพิ่มเติมรายการสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งจำนวนสินค้าที่เพิ่มก็แล้วแต่พื้นที่ของร้านค้า และความต้องการของประชาชนในพื้นที่นั้นๆ
นายบุญทรง กล่าวว่า สำหรับการจ้างงานจำนวน 1,000 คน เพื่อให้เข้ามาช่วยดำเนินโครงการ เห็นว่า อาจจะไม่จำเป็นต้องจ้างมากถึงขนาดนั้น จึงเสนอให้มีการปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ไปเป็นงบประมาณในการจัดเตรียมสินค้าให้กับร้านค้าถูกใจจะดีกว่า แต่บุคคลที่จะจ้างนั้น ยืนยันว่า จะได้รับเงินเดือนๆ ละ 15,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล หากจบปริญญาตรี
ส่วนงบค่าโลจิสติกส์ 500 ล้านบาท ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ระหว่างบริษัท ไปรษณีย์ และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ แต่เป็นงบที่ช่วยเหลือด้านโลจิสติกส์ให้กับร้านค้าทั้งหมด ขณะที่งบประมาณประชาสัมพันธ์ 100 ล้านบาท เป็นงบที่จะใช้โปรโมตโครงการผ่านทุกสื่อ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และ สิ่งพิมพ์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภครับรู้และเข้าไปใช้บริการร้านถูกใจ และจะช่วยลดค่าครองชีพได้เร็วขึ้น
นายบุญทรง กล่าวว่า กรณีที่ผู้ประกอบการบางรายจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ว่า กระทรวงพาณิชย์ผลิตสินค้าแบรนด์ถูกใจ ซึ่งเป็นเฮาส์แบรนด์มาขายแข่งกับสินค้าของเอกชนนั้น เจตนาไม่ต้องการผลิตสินค้ามาแข่งกับใคร แต่ต้องการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องค่าครองชีพ และไม่เห็นว่า เอกชนจะเสียประโยชน์ตรงไหน เพราะได้ประโยชน์ในการรับผลิตสินค้าให้กับร้านถูกใจ
โครงการโชวห่วยช่วยชาติ ภายใต้ชื่อ “ร้านถูกใจ” นั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ 1,320 ล้านบาท ให้กับกระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินการ เริ่มตั้งแต่ เม.ย.-ก.ย.2555 โดยแบ่งงบประมาณดำเนินการออกเป็นค่าตกต่างร้าน 10,000 บาท/ร้าน ค่าบริหารจัดการร้าน 10,000 บาท/ร้าน ค่าจัดหาวัตถุดิบ และซื้อสินค้าเข้าร้าน 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าโลจิสติกส์ และติดตั้งระบบเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ระหว่างบริษัท ไปรษณีย์ และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 500 ล้านบาท/โครงการ ค่าจ้างแรงงาน 1,000 คน 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าประชาสัมพันธ์ 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าบริหารจัดการคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ 90 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการของกรมการค้าภายใน 9 ล้านบาท