xs
xsm
sm
md
lg

ละลาย1.6พันล้าน แก้แพงทั้งแผ่นดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.อนุมัติ 1,620 ล้าน แก้ปัญหา "แพงทั้งแผ่นดิน" ตามโครงการลดค่าครองชีพ ไทยช่วยไทย เปิดร้านถูกใจ ขายสินค้าจำเป็น 20 รายการราคาถูก และจัดธงฟ้าราคาประหยัดทั่วประเทศ พร้อมอัดอีกกว่า 3.5 พันล้าน ขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซล รถเมล์ รถไฟฟรี ด้านปชป.จวกรัฐบาลตั้งใจให้ของแพงเพื่อผลประโยชน์คนในรัฐบาลและพวกพ้อง ชี้หากตั้งใจแก้ ต้องลดที่ต้นทุน

วานนี้ (20 มี.ค.) ที่อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงแนวทางการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงว่า ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการลดค่าครองชีพ ไทยช่วยไทย วงเงิน 1,620 ล้านบาท โดยแยกเป็นโครงการโชห่วยช่วยชาติ "ร้านถูกใจ" หรือโครงการ 1 ร้านค้า 1 ชุมชน วงเงิน 1,320 ล้านบาท และโครงการมหกรรมธงฟ้า ลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย วงเงิน 300 ล้านบาท

สำหรับโครงการโชห่วยช่วยชาติ หรือ “ร้านถูกใจ” นั้น เป็นโครงการที่จะให้การสนับสนุน ร้านโชห่วย รวมทั้งร้านอาหารธงฟ้า ให้มีมุมขายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ 20 รายการ ได้แก่ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ผงชูรส น้ำปลา ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมยูเอชที ซอสปรุงรส เนื้อสุกร เนื้อไก่ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ผงซักฟอก แป้งผงโรยตัว น้ำยาล้างจาน ผ้าอนามัย ยากำจัดยุงและแมลง ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงชนิดของสินค้า ตามความจำเป็นและการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าแต่ละชนิด และตามสภาวะเศรษฐกิจ

รวมทั้งจะมีการจัดทำสินค้าภายใต้แบรนด์ “ร้านถูกใจ” เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนในชุมชนในราคาถูก โดยมีแผนการดำเนินการแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก จะเริ่มในช่วงเดือนเม.ย.2555 ในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดใหญ่ 15 จังหวัด (ในเขตอำเภอเมือง) รวม 2,000 แห่ง และระยะที่ 2 เริ่มในเดือนพ.ค.2555 ในทุกจังหวัดอีก 8,000 แห่ง รวมเป็น 10,000 แห่งทั่วประเทศตามเป้าหมาย

“โครงการนี้ เมื่อดำเนินได้แล้ว จะสามารถช่วยให้ประชาชนประมาณ 10 ล้านคน สามารถซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 20% หรือในภาพรวมคาดว่าจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 36,000 ล้านบาท เพิ่มความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยให้ประชาชน ก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีส่วนช่วยเพิ่มจีดีพีของประเทศ และยังจะมีส่วนช่วยชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าอื่นๆ ในท้องตลาด และจะส่งผลให้รายได้สุทธิของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นด้วย” นายบุญทรงกล่าว

ส่วนโครงการมหกรรมธงฟ้า ลดค่าครองชีพไทยช่วยไทยนั้น จะเป็นโครงการจัดงานธงฟ้าเพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ที่กำลังได้รับผลการกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยจะมีการจัดงานจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในทุกระดับได้แก่ การจัดงานระดับประเทศ 3 ครั้ง ระดับภาคๆ ละ 2-4 ครั้ง รวม 12 ครั้ง ระดับจังหวัดทุกจังหวัดรวม 76 ครั้ง และระดับอำเภอทุกอำเภอรวม 878 ครั้ง

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนประมาณ 5 ล้านคน คิดเป็นมูลค่า 1,000-1,200 ล้านบาท และเพิ่มเงินหมุนเวียนในการจับจ่ายใช้สอยได้อีก 2,000-2,500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าของผู้ผลิต ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และเกษตรกร ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้ผลิตมีรายได้เพิ่มขึ้น 400-500 ล้านบาท และเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่องไปสู่ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มการจ้างงาน ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“วิธีการกำกับดูแล ทั้ง 2 โครงการนั้น ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชน โดยจะพิจารณากำหนดกรอบนโยบายและหลักเกณฑ์ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชนเพื่อดำเนินการตามโครงการฯ ในส่วนกลาง มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพประชาชนระดับจังหวัด เพื่อดำเนินการตามโครงการในแต่ละจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน” นายบุญทรงกล่าว

**นายกฯยันเอาอยู่น้ำมันปาล์ม 42บาท

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมครม. นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาราคาน้ำมันปาล์มในขณะนี้ว่า จะยังคงราคาไว้ที่ขวดละ 42 บาท แม้จะมีผู้ประกอบการขอให้ปรับขึ้นราคาก็ตาม โดยย้ำว่าราคาน้ำมันปาล์มนี้ จะไม่ทำให้ปาล์มขาดตลาด ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และกักตุนสินค้า แต่หากปาล์มดิบที่จะนำมาผลิตขาดตลาด รัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยการนำเข้าปาล์มดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดปัญหาปาล์มขาดตลาด

ขณะที่นายบุญทรง ได้รายงานในที่ประชุมครม. เกี่ยวกับปัญหาราคาน้ำมันปาล์ม โดยยืนยันว่า น้ำมันปาล์มจะไม่ขาดตลาด และจะขายราคาขวดลิตรละ 42 บาท หากมีความจำเป็นหรือน้ำมันปาล์มขาดตลาด หรือผลผลิตปาล์มไม่ได้คุณภาพ จะนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านไม่เกิน 4 หมื่นตันต่อเดือน ซึ่งจะครอบคลุมโรงงานผลิต 10 แห่ง จึงไม่กระทบต่อราคาขายขวดละ 42 บาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ ปรับลดมาเหลือ 33 บาท และในเดือนเม.ย. ผลผลิตปาล์มจะออกสู่ตลาดมากขึ้น

**ยืดเวลาลดภาษีดีเซล-รถเมล์-รถไฟฟรี

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมครม. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ในระดับใกล้ 0 บาท/ลิตร ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงสิ้นเดือนเม.ย.2555 จากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2555 เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบอนุมัติงบประมาณอุดหนุนการบริการสาธารณะประจำปี 2555 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 2.35 พันล้านบาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วงเงิน 1.26 พันล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยการอนุมัติงบประมาณดังกล่าว เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการให้บริการสาธารณะของรฟท. และ ขสมก. ให้กับประชาชน ให้ได้ใช้รถเมล์และรถไฟฟรี ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ยังมีมติเห็นชอบการขออนุมัติการต่ออายุสัญญาเงินกู้ 800 ล้านบาท ของรฟท.ไปอีก 1 ปี โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้รับประกัน พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้กับ รฟท.ในระยะเวลา 1 ปี

***"พาณิชย์"รวบรวมรายชื่อพ่อค้าคนกลาง

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้สั่งการให้ค้าภายในจังหวัดไปรวบรวมรายชื่อพ่อค้าคนกลางในแต่ละจังหวัดมาขึ้นทะเบียน ซึ่งเป็นอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าไปตรวจสอบราคาสินค้าตัวที่มีปัญหาให้สมบูรณ์ ในกรณีที่มีการร้องเรียนหรือสงสัยว่าราคาสินค้าชนิดดังกล่าวแพงเกินไป

**แนะแก้ของแพงต้องลดที่ต้นทุน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาสินค้าแพงว่า การจะจัดการให้สินค้ามีราคาถูกลง ก็ต้องไปลดที่ต้นทุน ซึ่งโครงการที่รัฐบาลจะทำ ต้องมีการใช้เงินในการอุดหนุน เหมือนกับที่เราพูดเรื่องพลังงาน ก็มีเหตุมีผลอย่างชัดเจน เช่น การไปเก็บเงินจากสินค้าบางตัว ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่ใช่ต้นทุนพื้นฐาน วันนี้หลายตัวต้นทุนวัตถุดิบ ราคาถูกกว่ารัฐบาลที่แล้วเสียอีก แต่กลายเป็นว่าจริงๆ แล้ว ขณะนี้พอมาขาย ขั้นสุดท้ายโดยเฉพาะเรื่องของหมวดอาหารกลับแพงขึ้น ตรงนี้เราต้องการให้เข้าไปแก้โดยที่ไม่ต้องใช้เงิน ก็คือ เข้าไปดู เข้าไปวิเคราะห์ว่าจะมีมาตรการ มีนโยบายอย่างไร

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมันก็ไม่มีทางทั่วถึงเท่ากับการที่จะไปหามาตรการที่สามารถทำให้ต้นทุนต่างๆ ลดลงได้ หรือว่าราคาต่างๆ นั้นลดลงได้ และหาก ครม. อนุมัติโครงการดังกล่าว ก็เป็นเพียงโครงการเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องของแพง นอกจากนี้ หากดำเนินโครงการนาน อาจส่งผลกระทบต่อร้านค้าในพื้นที่เดิม

**ชี้ของแพงเพราะตั้งใจให้แพง

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาราคสินค้าแพงว่า หลังจากที่พรรคได้มีการเปิดศูนย์ปราบของแพง (ศปพ.) และเฟซบุ๊ก "แพงทั้งแผ่นดิน" ก็ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนมากมาย โดยเราได้ไปตรวจสอบพบว่า ผลผลิตที่ต้นทางมีราคาถูก และพ่อค้าคนกลางกดราคา ทำให้เมื่อมาขายถึงมือประชาชน กลับมีราคาแพง สะท้อนว่า มีการบิดเบือนกลไกราคา ในส่วนของพ่อค้าคนกลาง เช่น ราคาปาล์มน้ำมัน จากการตรวจสอบราคาพบว่า ปาล์มร่วงชนิดคละ ปีทีแล้วมีราคา 6.68 บาท แต่ปีนี้ราคาตกลงเหลือ 6.27 บาท จึงไม่น่าจะมีปัญหาตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่าเกิดปัญหาขาดแคลน และไม่มีเหตุผลที่จะต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากประเทศอินโดนีเซีย เพราะตัวแทนผู้ผลิตก็ออกมาระบุว่าผลปาล์มยังมีเหลือและเพียงพอต่อการผลิตน้ำมันปาล์ม

"ยอมรับว่าราคาผลปาล์ม มีราคาถูกกว่าสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่รัฐบาลกลับอ้างว่าผลปาล์มขาดแคลน และราคามีการถีบตัวสูง ผู้เชี่ยวชาญในวงการน้ำมันปาล์มจึงได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีการสบคบคิดกัน และเอื้อประโยชน์ให้ผู้นำเข้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งโรงงานน้ำมันปาล์มดิบในประเทศอินโดนีเซีย ที่รัฐบาลอาจจะนำเข้ามา ทราบมาว่าปตท. ก็ไปลงทุนถือหุ้นด้วย จึงถือเป็นการสุมหัวกันทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ ทั้งนี้ ทางพรรคจะมีการติดตามตรวจสอบกันต่อไป"นายชวนนท์กล่าว

ส่วนราคามะนาวที่หน้าสวน ตรวจสอบพบว่า ขายอยู่ที่ราคาลูกละ 4 บาท แต่พอมาขายถึงมือประชาชน กลับมีราคาลูกละ 9-10 บาท ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่ราคามะนาวหน้าสวนเมื่อถึงมือประชาชน จะแตกต่างกันได้ถึงขนาดนี้ นอกจากมีคนจงใจหากินกับความลำบากของประชาชน พรรคอยากเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ เข้าไปดูว่ามีการกักตุนสินค้าหรือไม่ หรือมีการบิดเบือนกลไก เพราะมีข่าวว่ามีพ่อค้าคนกลางไปกว้านซื้อมาเก็บไว้ในสต็อกตัวเอง ทำให้เป็นผู้กำหนดราคามะนาวในประเทศได้ อยากถามว่าทำไมกระทรวงพาณิชย์ ไม่พูดว่าจะนำเข้ามะนาวเอามาสู้กับพ่อค้าคนกลางเหล่านี้บ้าง รัฐบาลไม่เห็นมีท่าทีช่วยเหลือประชาชน กระทรวงพาณิชย์มัวไปทำอะไรอยู่

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบราคาผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ก็พบว่า ราคาตกต่ำลงทุกตัว เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กระเทียม หอมหัวใหญ่ สัปปะรด แต่พอนำผลผลิตทางการเกษตรเหล่านี้มาปรุงเป็นอาหารให้ประชาชนกลับมีราคาสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน พรรคยังได้มีการตรวจสอบราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ขณะนี้หน้าฟาร์มขายฟองละ 2.40 บาท ต้องยอมรับว่า ราคาไข่ในรัฐบาลสมัยนี้ถูกกว่าสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการนำเข้าพ่อไก่ แม่ไก่ ซึ่งทำให้มีการวางไข่ในช่วงเดือนธ.ค. พอดี ทำให้ขณะนี้ราคาไข่ถูก แต่เมื่อตรวจสอบดูกลับพบว่า มีการขายไข่ไก่คละอยู่ฟองละ 3.40 บาท ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อาจจะมีกินส่วนต่าง ทั้งที่ประชาชนไม่ควรซื้อไข่ไก่คละไม่เกินฟองละ 3 บาท

ส่วนที่ ครม. อนุมัติโครงการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพง งบประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยจะตั้งโครงการธงฟ้า 50,000 แห่งทั่วประเทศนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า โครงการเหล่านี้ ตั้งขึ้นมาให้พ่อค้าคนกลางได้ประโยชน์ ผูกขาดในการเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้า ในแต่ละหมู่บ้าน การที่ราคาสินค้าแพง เพราะท่านไปรวมหัวกับพ่อค้าคนกลาง ปั่นราคาขึ้นมาหรือไม่ แทนที่จะทำโครงการเอาไปให้เกษตรกร เข้ามามีส่วนร่วม สามารถนำสินค้าขายกันโดยตรง ซึ่งอาจจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ไม่ใช่ให้พ่อค้ามารับเซ้งเองทั้งหมด

**ศาลยกคำร้องขึ้นค่าแรงมีผล1เม.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 มี.ค.) องค์คณะศาลปกครองกลางที่มี นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการศาลปกครองกลางเป็นตุลาการเจ้าของสำนวน มีคำสั่งยกคำขอ ของบริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และพวกซึ่งเป็นบริษัทเอกชน รวม 41 ราย ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่6) ลงวันที่ 2 พ.ย.2554 ที่ให้มีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น