โฆษกเพื่อไทย จวก ส.ส.ประชาธิปัตย์ ขึ้นป้ายต้านแก้รัฐธรรมนูญทำเกินหน้าที่ ส่อปรปักษ์ต่อประชาธิปไตย ฝ่าฝืน พ.ร.บ.พรรค เล็งชง กกต.ยื่นยุบแน่ จ่อเล่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ฟัน “ปู” ทำเกินหน้าที่ ทำเป็นชมพันธมิตรฯประชุมไม่สร้างความเดือดร้อน ซัด “ณรงค์” เคยลงเลือกตั้งมั้ย อ้าง มะนาว นม แพงเป็นไปตามกลไกตลาด
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงพร้อมแสดงภาพ กรณีที่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นป้ายต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในพื้นที่ภาคใต้ ว่า เป็นการกล่าวหาพรรคเพื่อไทย เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญว่าเพื่อหวังล้มสถาบัน แก้ไขมาตรา 112 และหวังทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาฯ โดยเรื่องนี้มีประชาชนใน จ.สงขลา ร้องเรียนมายังพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนมองว่า กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทำเกินหน้าที่ ขึ้นป้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนสับสน และอาจเข้าข่ายเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่อาจอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม และยังถือว่าฝ่าฝืน พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ มาตรา 94 ชัดเจน ที่นำไปสู่การร้องสู่การยุบพรรคได้ ดังนั้น ในสัปดาห์หน้าตนจะรวบรวมเอกสาร หลักฐานนำไปยื่นต่อ กกต.ให้พิจารณาและเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุด ส่งเรื่องยุบพรรค ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68
นายพร้อมพงศ์ ยังแถลงว่า กรณีที่ นายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ จี้นายกฯ ทบทวนการแต่งตั้งรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีทั้งสองคนของนายกฯ ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องอยู่ในกรอบของกฏหมาย ขณะที่การเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของทั้งสองเข้ามาทำหน้าที่ได้ไม่กี่วันจึงควรให้โอกาสทั้งสองคนทำหน้าที่ไปก่อน แต่หากมีการประพฤติผิด หรือส่อทุจริต ไม่มีประสิทธิภาพ ก็สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ การที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ออกมาระบุให้นายกฯต้องทบทวน ถือเป็นการก้าวก่ายงานฝ่ายบริหาร ทั้งที่มีการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งตนมองว่า อาจเป็นการก้าวก่ายแทรกแซง ดังนั้น อาจมีการปรึกษาทีมกฎหมายตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า เกินเลยต่อหน้าที่ รวมทั้งการยื่นร้องเรียนดังกล่าวของกลุ่มกรีน ก็มีการเชื่อมโยงกับการเมืองกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่ประสานงานของกลุ่มกรีนก็เป็นกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ดังนั้น จึงมองว่า น่าจะใช้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นเครื่องมือทางเมือง
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวต่อถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯประชุมที่สวนลุมพินี วานนี้ (10 มี.ค.) และกล่าวพาดพิงรัฐบาลหลายประเด็น ว่า ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมพันธมิตรฯที่ได้ทำตามกรอบกฎหมาย เป็นนิมิตหมายที่ดีของภาคประชาชน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวทางการเมืองให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ส่วน กรณีที่ นายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจสายพันธมิตรฯ กล่าวหารัฐบาลชุดนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย มาจากเผด็จการรัฐสภา เปรียบเสมือนรัฐบาลฮิตเลอร์ ถือว่า มองโลกในแง่ร้าย บิดเบือนข้อเท็จจริง ถามว่า นายณรงค์ เคยลงเลือกตั้งหรือไม่ ไม่อยากให้เอามันกล่าวหาอย่างเดียว
นายพร้อมพงศ์ แถลงกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนมายังพรรคเพื่อไทย ราคาสินค้า อาทิ มะนาว นมข้น นมจืด ว่า มีราคาแพงเกินจริงหรือไม่ ว่า จากการตรวจสอบพบว่าราคามะนาว และนมข้น นมจืด ถือว่าเป็นไปตามกลไกของตลาด อีกทั้งการที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ว่า สร้างภาระแพงทั้งแผ่นดิน นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการสรุปที่มองโลกในแง่ร้าย และเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะจากการตรวจสอบราคาสินค้าเป็นไปกลไกของตลาด ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ก็กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อยู่
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาส.ส.เพื่อไทยบินไปประเทศฮ่องกงเพื่อไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อรับใบสั่งการแก้ไขรั ฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนขอปฏิเสธเพราะเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะเป็นลักษณะที่พูดโดยไม่รับผิดชอบของพรรคประชาธิปัตย์ และยังเป็นการกล่าวให้ร้ายพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ ความเห็นส่วนตนเห็นว่า ส.ส .ของพรรคมีสิทธิเสรี ภาพตามรัฐธรรมนูญ ที่จะไปพบใครก็ได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ และไม่เชื่อว่า ทักษิณ จะมาสั่งส.ส. ของพรรคเพื่ อไทยได้ อีกทั้งยังไม่มีใครทราบว่าพ.ต.ท .ทักษิณ อยู่ประเทศใด
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า การกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการจินตนาการให้ร้าย จึงขอให้นายอภิสิทธิ์ อบรมสั่งสอนลูกพรรค เพราะการกล่าวหาว่าไปรับใบสั่ งจากทักษิณ เป็นการเข้าข่ายหมิ่นประมาท ผิดประมวลกฏหมายอาญา โดยตนจะดำเนินการทางอาญากั บคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่พู ดในกรณีดังกล่าว ยืนยันพรรคเพื่อไทย เป็นสถาบันทางการเมือง จึงรับใบสั่งไม่ได้ และที่มีการระบุว่าพรรคเพื่ อไทยถูกชี้นำจากพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เป็นความจริง และที่มีการระบุว่าสมาชิ กของพรรคเพื่อไทยรับหน้าที่เป็ นกรรมาธิการปรองดองเพื่อช่วยพ.ต .ท.ทักษิณ กลับบ้านก็ไม่เป็นความจริง จึงขอให้เลิกบิดเบือนเรื่องดั งกล่าวนี้ อย่างไรก็ตาม ตนจะปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อดำเนินการฟ้องร้องอีกรอบ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง หากมีการรับใบสั่งจริงก็ขอให้ผู ้ที่กล่าวหาแสดงหลักฐานระบุให้ ชัดเจน และให้พรรคประชาธิปัตย์เตรียมข้อมูลเพื่อไปแสดงในชั้นศาล