นายก ส.รถบรรทุก ห่วงปัญหาน้ำมันแพงทำเจ๊ง เตรียมขอขึ้นค่าขนส่ง 5% ยืนยัน การปรับราคาไม่จำเป็นต้องคุยกับรัฐบาล พร้อมระบุ ราคาพลังงานในปัจจุบันไม่สะท้อนความเป็นจริง อัดซ้ำ รบ.ทำไม่ถูกต้อง ปล่อยให้ ปตท.ปรับราคาพลังงานได้ตามความพอใจ แนะปล่อยน้ำมันตามกลไกโลก แต่ควรควมคุมราคาก๊าซ “แอลพีจี-เอ็นจีวี” เพราะมีต้นทุนต่ำ ผลิตได้เองจากอ่าวไทย ขณะที่ฝ่ายค้าน ตั้งกระทู้สดจี้ รบ.แก้ปัญหาน้ำมัน ค่าโดยสาร และปากท้องชาวบ้าน “อารักษ์” ยอมรับ หนี้กองทุนน้ำมันฯ ติดลบพุ่งทะลุ 2 หมื่นล้าน เพราะใช้ไปอุดหนุนราคาก๊าซ ย้ำมาตรการช่วยแท็กซี่ ไม่กระทบขึ้นก๊าซ
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการด้านขนส่งได้รับผลกระทบ มีความจำเป็นที่จะต้องขอขึ้นค่าขนส่งอีก อย่างน้อย 5% เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ซึ่งได้มีการเจรจากับผู้ว่าจ้างไปแล้ว
สำหรับผลการเจรจา พบว่า บางรายก็ยินดีให้ความร่วมมือ แต่บางรายก็มีการต่อรอง โดยให้รอจนถึงเดือนเมษายน 2555 นี้ จึงจะให้ปรับอัตราค่าขนส่ง และเป็นการขอในไตรมาสแรกของปีเท่านั้น
ทั้งนี้ หากสถานการณ์พลังงาน ยังมีการขยับขึ้นต่อเนื่อง ก็จะต้องมีการพิจารณาขอปรับขึ้นอีกในไตรมาสต่อๆ ไป โดยยืนยันว่า การขอขึ้นราคาค่าขนส่งไม่จำเป็นต้องขออนุญาตต่อรัฐบาลด้วย
นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังเห็นว่า ราคาพลังงานในปัจจุบันไม่สะท้อนความเป็นจริง รัฐบาลทำไม่ถูกต้องที่ยอมให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ปรับขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซ แต่ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก โดยเฉพาะในส่วนของน้ำมัน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรจะควบคุมในส่วนของก๊าซธรรมชาติ ทั้งในส่วนของ NGV และก๊าซ LPG เพราะว่ายังมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำ ไม่ต้องขนส่ง เพราะเป็นก๊าซที่นำมาจากอ่าวไทย หรือ พม่า เท่านั้น แต่หากยังปล่อยให้ ปตท.ปรับขึ้นราคาต่อไป ก็จะกระทบกับประชาชน อย่างมากแน่นอน
ด้าน นายอารักษ์ ชลธารนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงงาน กล่าว
ตอบกระทู้ถามสดเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนจากสินค้ากลุ่มพลังงาน ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ โดยยืนยันว่า ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ แต่ที่ราคาน้ำมัน และก๊าซเพิ่มสูงขึ้นนั้นเป็นเพราะราคาตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง
“เราพบว่า จากราคาน้ำมันดีเซลที่วันนี้อยู่ที่ลิตรละ 32 บาท จากเดิม 29 บาท ทั้งที่ราคาในตลาดโลกสูงขึ้น 50% ซึ่งหากรัฐบาลไม่ทำอะไรราคาก็จะสูงถึงลิตรละ 36-37 บาทแล้ว ส่วนราคาก๊าซนั้นภาครัฐได้ปรึกษากับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง และจะได้ข้อสรุปชัดเจนในเดือนเมษายน 2555 นี้”
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า แท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นแอลพีจีน เอ็นจีวี ทางกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งยืนยันว่ายังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะได้รับการชดเชย ซึ่งได้คุย กลุ่มแท็กซี่หลายราย และเขาบอกว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะราคาที่ปรับขึ้น 3 เดือนๆ ละ 50 สตางค์ แต่แท็กซี่ไม่ได้จ่ายเงินเพิ่ม คือ ยังจ่ายที่ลิตรละ 8.50 บาทเท่าเดิม
นายอารักษ์ กล่าวเสริมว่า ประเด็นน้ำมันดีเซล ส่วนของภาษีสรรพสามิต ไม่มีการปรับปรุง เพราะมีผลโดยตรงกับค่าครองชีพและเงินเฟ้อ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
อย่างไรก็ตาม ฟังแล้วรู้สึกสงสัยบางส่วนบอกว่าไม่ให้เก็บ บางส่วนบอกว่าเงินกองทุนทำไมติดลบทุกวัน ต้องเข้าใจว่า นี่คือ ซีโร่ซัมเกมส์ ทั้งนี้เงินกองทุนดังกล่าวคงไม่สามารถทำให้เป็นบวกได้เมื่อต้องนำเงินไปอุดหนุนอีกภาคหนึ่งด้วย
ขณะนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบไปแล้ว 2 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งการดำเนินการต้องดูในภาพรวมพลังงานไม่ใช่แค่น้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูไปถึงเรื่องก๊าซด้วย ซึ่งยืนยันว่าการนำเงินกองทุนน้ำมันไปใช้นั้นไม่ได้ใช้ผิดประเภท แต่ที่ติดลบมากเพราะต้องนำเข้าไปสนับสนุนการใช้ก๊าซ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนเรื่องราคาน้ำมันนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาแต่มีแนวโน้มที่จะขึ้นราคา
โดยช่วงเช้าวันนี้ นานแพทย์ สุกิจ อัถโถปกรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนจากสินค้ากลุ่มพลังงาน ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมองว่า ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบไปถึงค่าโดยสารที่เรือโดยสาร รถโดยสารเรียกร้องขอขึ้นราคา ประชาชนเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน โดยตั้งคำถามว่าทำไมไม่คิดช่วยเหลือประชาชน และจะมีวิธีช่วยเหลืออย่างไรบ้าง
นพ.สุกิจ กล่าวว่า การที่รัฐบาลลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนทำให้กองทุนติดลบ และถือเป็นนโยบายที่ผิดพลาด และขณะนี้รัฐบาลยังยืนยันที่จะซ้ำเติมประชาชนด้วยการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุน
“รัฐบาลยอมรับว่าจะซ้ำเติมประชาชน ซึ่งที่ระบุว่า จะขึ้นราคาก๊าซ LPG และ NGV เดือนละ 0.75 และ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับไปอีกปีหนึ่ง แต่ผ่านมาแค่ 2 เดือน แท็กซี่ก็มาเรียกร้องขอขึ้นราคาและหากสิ้นปีปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้ม เชื่อว่าราคาจะสูงถึงกิโลกรัมละ 30 บาทแล้วรัฐบาลจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร”
ทั้งนี้ ในส่วนของน้ำมันดีซล สมัยรัฐบาล ปชป.ใช้มาตรการทางสรรพสามิต ไม่ให้ราคาดีเซลเกิน 30 บาท ก็ถูกเยาะเย้ย ว่า เป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย 5 หมื่นล้านบาท และรัฐมนตรีพลังงานคนก่อนบอกว่า จะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด แต่ตอนนี้รัฐบาลยังดำเนินการเรื่องนี้ต่อมา ถึงตอนนี้ 8 เดือนแล้ว เสียหายอย่างนี้เดือนละ 9,000 ล้าน เมื่อรวมยอดเท่ากับ 7.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่อยากให้มาโจมตีรัฐบาลที่แล้ว เพราะหากยกเลิกมาตรการทางภาษีสรรพสามิตวันไหนจะทำให้ น้ำมันดีเซลพุ่งพรวด 5 บาท เป็นลิตรละ 38 บาท