รมว.พลังงาน แจงกระทู้สภาฯ เหตุน้ำมันพุ่งอ้างอิงราคาตลาดโลก อ้างหากพลังงานถูกจะมีการใช้อย่างฟุ่มเฟือย ส่วนหนี้กองทุนน้ำมัน 2 หมื่นล้าน เพราะต้องอุดหนุน LPG, NGV ปัดนำไปใช้นอกระบบ พร้อมค้านเพิ่มค่าโดยสารแท็กซี่ อ้างขึ้นราคาแก๊สไม่กระทบ
วันนี้ (15 มี.ค.) นพ.สุกิจ อัจโถปกรณ์ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี เรื่อง ความเดือดร้อนของประชาชนจากสินค้ากลุ่มพลังงานราคาแพง ว่า จากปัญหาน้ำมันแพงที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมขนส่ง อาทิ รถทัวร์ แท็กซี่ เรียกร้องขอปรับราคาค่าโดยสาร จากปัญหาดังกล่าวรัฐบาลจะคิดแก้ปัญหาให้ประชาชนเมื่อไร
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ชี้แจงแทนนายกฯ ว่า สถานการณ์ราคาพลังงานอ้างอิงกับราคาตลาดโลก ที่ขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกมีราคาแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขอชี้แจงว่า เมื่อกลางปี 2554 ราคาน้ำมันดีเซลไม่ถึงลิตรละ 30 บาท แต่ราคาวันนี้มีราคาที่ลิตรละ 32 บาท สาเหตุหนึ่งเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกช่วงกลางปี 2554 ไม่ถึง 100 เหรียญต่อบาร์เรล ตอนนี้ราคาขึ้นไปเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ หากรัฐบาลไม่เข้าไปดูแล อาจทำให้ราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปที่ลิตรละ 36-37 บาทแล้ว
ส่วนราคาแก๊สแอลพีจีนั้น ราคาไม่ได้เปลี่ยนมานาน และไม่ได้สะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง ทั้งนี้ รัฐบาลกังวล หากทำแบบนี้ต่อไป ประชาชนจะเกิดความเข้าใจผิดว่า ที่ราคาพลังงานราคาถูก จะนำไปสู่การใช้พลังงานที่ฟุ่มเฟือย โดยราคาแก๊สและก๊าซเดิมต้นทุนเริ่มที่ 300 เหรียญต่อตัน แต่วันนี้ราคาเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า หรือตลาดโลกมีราคาที่ 1,200 เหรียญต่อตัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวรัฐบาลได้มีโครงการที่จะช่วยเหลือ และได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในเดือนเมษายนนี้
นพ.สุกิจ ถามประเด็นต่อว่า รัฐบาลยังยืนยันการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันหรือไม่ และตอนนี้หนี้ในกองทุนน้ำมันมีเท่าไรแล้ว นายอารักษ์ กล่าวชี้แจงว่า กองทุนพลังงานเชื้อเพลิง มีหนี้อยู่ 2 หมื่นกว่าล้านบาท โดยหนี้ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้นำไปใช้ในส่วนอื่น หรือผิดประเภท นอกจากการสนับสนุนก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี ส่วนราคาน้ำมันที่ขึ้นก็นำเงินส่วนดังกล่าวมาสนับสนุนเรื่องก๊าซ ส่วนประเด็นนี้จะทำให้เกิดการขึ้นราคาต่อไปหรือไม่นั้น วันนี้จะมีการประชุมเกี่ยวกับนโยบายราคาน้ำมัน เบื้องต้นแนวโน้มที่จะขึ้นราคาน้ำมันอีก 1 บาท เพื่อสนับสนุนก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี
นพ.สุกิจ ถามในประเด็นสุดท้ายว่า เป็นการยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่ารัฐบาลจะซ้ำเติมประชาชน รวมถึงกรณีขึ้นค่าแก๊สแอลพีจีอีก 75 สตางค์ และก๊าซเอ็นจีวีที่ขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อเดือน ที่ระบุว่า บิดเบือน ตนเข้าใจว่า การบิดเบือนดังกล่าวนั้นเพื่อช่วยประชาชน ประเด็นนี้รัฐบาลบอกว่า จะทำไป 12 เดือน แค่ 2 เดือนรถแท็กซี่ขอขึ้นราคาค่าโดยสารแล้ว แต่หากทำไปถึง 12 เดือน ประชาชนจะเดือดร้อนถึงที่สุด และหากสิ้นปีปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้ม เชื่อว่าราคาจะสูงถึงกิโลกรัมละ 30 บาท ขอถามว่า รัฐบาลจะขึ้นราคาแอลพีจี และ เอ็นจีวี เพื่อให้ประชาชนแบกรับภาระต่อไปหรือไม่ รวมถึงยกเลิกมาตรการภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเมื่อไร หากขึ้นวันไหน น้ำมันดีเซลพุ่งพรวด 5 บาท หรือลิตรละ 38 บาทกว่า
นายอารักษ์ ชี้แจงว่า ราคาแอลพีจีและเอ็นพีจี แนวโน้มต้องกระทบโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริง อาจมีข่าวโดยเฉพาะแท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งทางกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่า ทำไมแท็กซึ่ระบุว่าได้รับผลกระทบ เนื่องจากราคาพลังงานที่ขึ้น แท็กซี่ได้รับการชดเชยทั้งหมด โดยราคาค่าแก๊สที่แท็กซี่จ่ายไปทุกบาทและสตางค์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
“เท่าที่ได้คุยโดยเฉพาะกลุ่มแท็กซี่หลายคนบอกว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะราคาที่ปรับขึ้น 3 เดือนๆ ละ 50 สตางค์ แต่แท็กซี่ไม่ได้จ่ายเงินเพิ่ม คือ ยังจ่ายที่ลิตรละ 8.50 บาทเท่าเดิม อาจเป็นเพียงการเรียกร้องเพื่อขอขึ้นราคา ต้องไปแก้ไขในรายละเอียด” นายอารักษ์ กล่าว ส่วนประเด็นน้ำมันดีเซล ในส่วนของภาษีสรรพสามิต ไม่มีการปรับปรุงเพราะมีผลโดยตรงกับค่าครองชีพและเงินเฟ้อ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ประเด็นดังกล่าวตนฟังแล้วรู้สึกสงสัยบางส่วนบอกว่าไม่ให้เก็บ บางส่วนบอกว่าเงินกองทุนทำไมติดลบทุกวัน ต้องเข้าใจว่า นี่คือ ซีโร่ซัมเกม ทั้งนี้ เงินกองทุนดังกล่าวคงไม่สามารถทำให้เป็นบวกได้เมื่อต้องนำเงินไปอุดหนุนอีกภาคหนึ่งด้วย