ASTVผู้จัดการรายวัน - น้ำมันขึ้นอีก 60 สตางค์วันนี้ แก๊สโซฮอล์ 95 ทะลุลิตรละ 40 บาท ดีเซล 32 บาท ปชป.เย้ยเพื่อไทยล้มเหลว น้ำมัน ก๊าซ ข้าวแกง เรียนฟรี สินค้าเกษตร รัฐบาลทำพลาดไม่เหมือนที่คุยโวเอาไว้ "มาร์ค" อัดแนวคิดยกเลิกกองทุนน้ำมันของรัฐบาลทำค่าครองชีพพุ่ง-กระทบโครงสร้างพลังงาน เชื่อสาเหตุเพราะอนาคตจ้องขายรัฐวิสาหกิจ-ร่วมทุนกับเอกชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิดอีกลิตรละ 60 สตางค์ ขณะที่ E85 ปรับขึ้นอีกลิตรละ 50 สตางค์ ส่วนน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอีกลิตรละ 60 สตางค์ มีผลวันนี้ (12 มี.ค.) ทำให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันแต่ละชนิดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 41.51 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 38.48 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 40.23 บาท E20 ลิตรละ 37.18 บาท E85 ลิตรละ 23.98 บาท และดีเซล ลิตรละ 32.33 บาท
การปรับขึ้นราคาน้ำมันดังกล่าว เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเดือนมี.ค.2555 หลังจากที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ถึง 10 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. จนครั้งล่าสุดวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยการปรับราคาครั้งนี้ ทำให้แก๊สโซฮอล์ 95 ขยับขึ้นทะลุลิตรละ 40.23 บาท ขณะที่ดีเซลทะลุลิตรละ 32.33 บาท
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารราชการแผ่นดินมาครบ 7 เดือนว่า พรรคเห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน โดยขอเปรียบเทียบการทำงานระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำดีเซลที่วันนี้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำขึ้นมาถึงลิตรละ 31.73 บาท และกำลังจะขึ้นอีก แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นรัฐบาล ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาท
เช่นเดียวกับราคาแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าชธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ขณะนี้รัฐบาลขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี 0.75 บาท ก๊าซเอ็นจีวี 0.50 บาท จนราคาก๊าซแอลพีจี จะขึ้นในวันที่ 16 มี.ค. ในราคา 20.33 บาทต่อกิโลกรัม ก๊าซเอ็นจีวี ราคา 10 ต่อกิโลกรัม แต่หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก๊าซแอลพีจี จะตรึงอยู่ที่ 18.08 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนก๊าซเอ็นจีวี จะอยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนเรื่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล บริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ได้บริหารความเหมาะสมทางด้านการเงิน ทำให้มีเงินเหลือดูแลจัดการความมั่นคงทางพลังงาน ไม่เป็นหนี้ รวมทั้งยังสามารถชำระหนี้กองทุนน้ำมันได้เกือบหมด แต่รัฐบาลชุดนี้บริหารงานมา 7 เดือน ทำอะไรไปบ้าง เพราะเข้ามากองทุนน้ำมันฯ ก็ติดลบจำนวนมาก
"ขณะนี้รัฐบาลนี้กู้เงิน 2 หมื่นล้านบาท และมีหนี้เพิ่ม 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุที่นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ออกมายกเลิกกองทุนน้ำมัน เพราะบริหารกองทุนน้ำมันจนเสียหายเพื่อสนองเรื่องประชานิยมโฆษณาหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งเท่านั้น ถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงเดือนต.ค. อย่างที่ รมว.พลังงานระบุ ราคาก๊าซหุงต้มต่อถังจะมีราคาขึ้นสูง อยากถามว่ารัฐมนตรีใช้สาเหตุอะไรในการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลแสดงเห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาเพื่อมีเป้าหมายเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และใช้เวลาในตำแหน่ง หากำไรให้กับนายทุนที่อยู่แวดล้อมเท่านั้นเอง"นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวว่า ในเรื่องค่าไฟฟ้าฟรี พรรคประชาธิปัตย์ ให้ใช้ไฟฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน แต่รัฐบาลนี้ กลับลดให้ใช้ไฟฟ้าฟรีเพียง 50 หน่วย โดยใช้เทคนิคไม่อยากอุ้มคนจนจำนวนมาก จึงลากเส้นลงมาให้คนจนเหลือน้อย จะได้ไม่ต้องอุ้มชูคนจนมาก บ้านที่ได้ใช้ไฟฟรี คือ บ้านที่ไม่มีตู้เย็น ใช้ไฟได้ไม่กี่ดวงเท่านั้น
นอกจากนี้ ในเรื่องอาหารสำเร็จรูป พรรคประชาธิปัตย์ขายจานละ 30 บาท บวกไข่ดาว 35 บาท แต่รัฐบาลนี้ ข้าวตามสั่งแบบเดียวกันบวกไข่ดาว ราคา 50 บาท
ขณะที่นโยบายด้านสังคม พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี แต่รัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ให้เงินอุดหนุนค่าเทอม ให้ไม่ทั่วทุกโรงเรียน รวมถึงเรื่องการแจกแท็บเล็ต ยังไม่มีความแน่นอน เพราะคนในรัฐบาลยังไม่ตกลงใจ
ส่วนนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ 57.7 ล้านคนได้ประโยชน์ แต่ขณะนี้ประชาชนหวังว่าจะได้เบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ซึ่งการอนุมัติงบประมาณยังติดขัด หรือที่สำคัญ คือ นโยบายจำนำสินค้าเกษตร ที่มีปัญหาทุจริต แต่สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ได้เปลี่ยนเป็นการประกันรายได้ มีเกษตรกรได้ประโยชน์ 35.5 ล้านราย ผลผลิตเสียหายเกษตรกร ก็ไม่ขาดทุน แต่ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ ถ้าเกษตรที่ไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำข้าว ก็จะไม่ได้รับเงินชดเชยเลย
**"มาร์ค" อัดแนวคิดยกเลิกกองทุนน้ำมัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับราคาของพลังงานน้ำมัน และก๊าซหุงต้มที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนแนวคิดในการยกเลิกกองทุนน้ำมันของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรให้ความใส่ใจ เพราะหากเกิดมีการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครัวเรือนขึ้นไปอีก หรือประกาศลอยตัว จะทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระนี้สูงขึ้นเป็นเท่าตัว จึงจะกระทบต่อประชาชนในภาคครัวเรือน และเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว. พลังงาน ระบุชัดเจนว่า จะประกาศให้มีการลอยตัวก๊าซหุงต้มในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะยกเลิกกองทุนน้ำมันไปด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งนี้จะทำให้เกิดปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น และเกิดเงินเฟ้อไม่รู้จบ เพราะขณะนี้น้ำมันก็ขึ้นราคาเกือบทุกสองสัปดาห์อยู่แล้ว หากเป็นเช่นนนี้ ก็จะเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ควรจะเริ่มฟื้นตัวจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปีกลายอีก
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนที่รัฐบาลจะยุบกองทุนน้ำ รัฐบาลควรมีคำตอบในเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดิมทีตอนที่รัฐบาลนี้หาเสียงว่า จะยกเลิกกองทุนนน้ำมัน หมายถึง จะเป็นการลดภาระให้ประชาชน แต่ขณะนี้กลายเป็นว่ารัฐบาลจะไม่ใช้กองทุนน้ำมันในการช่วยเหลือประชาชนเหมือนที่ผ่านมา ความจริงการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันให้อยู่ในภาวะไม่ขาดทุน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องลงในรายละเอียดว่าโครงสร้างของพลังงานแต่ละตัว จะมีนโยบายอย่างไร แต่รัฐบาลนี้กลับไม่ใส่ใจ
"ผมเข้าใจว่า รัฐบาลอยากจะลอยตัวก๊าซ และมีเป้าหมายที่จะคำนึงถึงเรื่องของผลกำไรของธุรกิจพลังงานมากกว่า ซึ่งในวันหน้าอาจจะมีเรื่องการขายรัฐวิสาหกิจ หรือมีกรณีที่จะไปร่วมลงทุนกับเอกชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันจริง จะกระทบต่อการอุดหนุนพลังงานทดแทนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โครงสร้างด้านพลังงานต่างๆ ก็จะกระทบหมด เท่ากับว่าเราขาดเครื่องมือในการดูแล 2 กลุ่ม คือ 1. สินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับประชาชน 2. กลุ่มพลังงานทดแทนที่เราต้องการส่งเสริม สนับสนุน เพราะที่ผ่านมากองทุนน้ำมันดูแลเรื่องเสถียรภาพของราคา และช่วยแบ่งเบาภาระสินค้าของประชาชนที่จำเป็น และใช้เป็นแรงจูงใจในพลังงานทดแทน การยกเลิกทั้งหมดจะทำให้เป้าหมายไม่ได้รับการดูแล
เมื่อถามต่อว่า ข้ออ้างว่าที่ต้องทำเพราะต้องเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จริง เพราะข้อเท็จจริง ภาษีในประเทศของสินค้าบางตัว ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และการใช้พลังงานในการขนส่ง ก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย
เมื่อถามย้ำอีกว่า หากมีการขยับราคาก๊าซหุงต้มต่อถังไปที่เกือบ 600 บาท ประชาชนจะรับไหวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะเราเคยคำนวนดูแล้ว ต้นทุนที่แท้จริง หากคำนวนให้ดี ใช้ตามหลักค่าความร้อน และหลักวิทยาศาสตร์ ในการแยกก๊าซ คิดว่า ราคาขณะนี้ ก็ใม่ได้ต่ำเกินไป ถ้าปรับก็ควรปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่การประกาศลอยตัว
เมื่อถามอีกว่า นโยบายเรื่องนี้ ปตท.หรือประชาชน เป็นผู้ได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ชัดเจนว่า รัฐบาลเลือกที่จะดูแลปตท. มากกว่าดูแลประชาชน และแสดงออกมาตลอดเวลา แน่อนว่าจะทำให้ค่าครองชีพของปราชนสูงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเป็นต้นทุนพื้นฐานทั้งหมด ทำให้เกิดเงินเฟ้อ เกิดปัญหาตามมา ตลอดจนการเก็งราคาต่างๆ ก็จะเกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐิกจยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนกรณีที่อธิบดีกรมธนารักษ์ ออกมาระบุว่า จะมีการผลิตเหรียญ 20 บาท ออกมาใช้ในตลาด แสดงให้เห็นว่า ค่าเงินของไทยถูกลงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบแนวคิดนี้ แต่สิ่งสำคัญรัฐบาลต้องเร่งดูปัญหาสินค้าราคาแพงให้เร็วที่สุด ซึ่งผลสำรวจล่าสุดของเอแบคโพล ระบุว่า 60 % ยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาล ก็ไม่มีจริงๆ กลับมีแต่นโยบายซ้ำเติมยกเว้นเรื่องของธงฟ้า.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิดอีกลิตรละ 60 สตางค์ ขณะที่ E85 ปรับขึ้นอีกลิตรละ 50 สตางค์ ส่วนน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอีกลิตรละ 60 สตางค์ มีผลวันนี้ (12 มี.ค.) ทำให้ราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันแต่ละชนิดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 41.51 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 38.48 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 40.23 บาท E20 ลิตรละ 37.18 บาท E85 ลิตรละ 23.98 บาท และดีเซล ลิตรละ 32.33 บาท
การปรับขึ้นราคาน้ำมันดังกล่าว เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเดือนมี.ค.2555 หลังจากที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ถึง 10 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. จนครั้งล่าสุดวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยการปรับราคาครั้งนี้ ทำให้แก๊สโซฮอล์ 95 ขยับขึ้นทะลุลิตรละ 40.23 บาท ขณะที่ดีเซลทะลุลิตรละ 32.33 บาท
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารราชการแผ่นดินมาครบ 7 เดือนว่า พรรคเห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน โดยขอเปรียบเทียบการทำงานระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำดีเซลที่วันนี้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำขึ้นมาถึงลิตรละ 31.73 บาท และกำลังจะขึ้นอีก แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นรัฐบาล ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาท
เช่นเดียวกับราคาแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าชธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ขณะนี้รัฐบาลขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี 0.75 บาท ก๊าซเอ็นจีวี 0.50 บาท จนราคาก๊าซแอลพีจี จะขึ้นในวันที่ 16 มี.ค. ในราคา 20.33 บาทต่อกิโลกรัม ก๊าซเอ็นจีวี ราคา 10 ต่อกิโลกรัม แต่หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก๊าซแอลพีจี จะตรึงอยู่ที่ 18.08 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนก๊าซเอ็นจีวี จะอยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนเรื่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล บริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ได้บริหารความเหมาะสมทางด้านการเงิน ทำให้มีเงินเหลือดูแลจัดการความมั่นคงทางพลังงาน ไม่เป็นหนี้ รวมทั้งยังสามารถชำระหนี้กองทุนน้ำมันได้เกือบหมด แต่รัฐบาลชุดนี้บริหารงานมา 7 เดือน ทำอะไรไปบ้าง เพราะเข้ามากองทุนน้ำมันฯ ก็ติดลบจำนวนมาก
"ขณะนี้รัฐบาลนี้กู้เงิน 2 หมื่นล้านบาท และมีหนี้เพิ่ม 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุที่นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ออกมายกเลิกกองทุนน้ำมัน เพราะบริหารกองทุนน้ำมันจนเสียหายเพื่อสนองเรื่องประชานิยมโฆษณาหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งเท่านั้น ถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงเดือนต.ค. อย่างที่ รมว.พลังงานระบุ ราคาก๊าซหุงต้มต่อถังจะมีราคาขึ้นสูง อยากถามว่ารัฐมนตรีใช้สาเหตุอะไรในการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลแสดงเห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาเพื่อมีเป้าหมายเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และใช้เวลาในตำแหน่ง หากำไรให้กับนายทุนที่อยู่แวดล้อมเท่านั้นเอง"นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวว่า ในเรื่องค่าไฟฟ้าฟรี พรรคประชาธิปัตย์ ให้ใช้ไฟฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน แต่รัฐบาลนี้ กลับลดให้ใช้ไฟฟ้าฟรีเพียง 50 หน่วย โดยใช้เทคนิคไม่อยากอุ้มคนจนจำนวนมาก จึงลากเส้นลงมาให้คนจนเหลือน้อย จะได้ไม่ต้องอุ้มชูคนจนมาก บ้านที่ได้ใช้ไฟฟรี คือ บ้านที่ไม่มีตู้เย็น ใช้ไฟได้ไม่กี่ดวงเท่านั้น
นอกจากนี้ ในเรื่องอาหารสำเร็จรูป พรรคประชาธิปัตย์ขายจานละ 30 บาท บวกไข่ดาว 35 บาท แต่รัฐบาลนี้ ข้าวตามสั่งแบบเดียวกันบวกไข่ดาว ราคา 50 บาท
ขณะที่นโยบายด้านสังคม พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายเรียนฟรี 15 ปี แต่รัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ให้เงินอุดหนุนค่าเทอม ให้ไม่ทั่วทุกโรงเรียน รวมถึงเรื่องการแจกแท็บเล็ต ยังไม่มีความแน่นอน เพราะคนในรัฐบาลยังไม่ตกลงใจ
ส่วนนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ 57.7 ล้านคนได้ประโยชน์ แต่ขณะนี้ประชาชนหวังว่าจะได้เบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ซึ่งการอนุมัติงบประมาณยังติดขัด หรือที่สำคัญ คือ นโยบายจำนำสินค้าเกษตร ที่มีปัญหาทุจริต แต่สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ได้เปลี่ยนเป็นการประกันรายได้ มีเกษตรกรได้ประโยชน์ 35.5 ล้านราย ผลผลิตเสียหายเกษตรกร ก็ไม่ขาดทุน แต่ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ ถ้าเกษตรที่ไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำข้าว ก็จะไม่ได้รับเงินชดเชยเลย
**"มาร์ค" อัดแนวคิดยกเลิกกองทุนน้ำมัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับราคาของพลังงานน้ำมัน และก๊าซหุงต้มที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนแนวคิดในการยกเลิกกองทุนน้ำมันของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรให้ความใส่ใจ เพราะหากเกิดมีการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครัวเรือนขึ้นไปอีก หรือประกาศลอยตัว จะทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระนี้สูงขึ้นเป็นเท่าตัว จึงจะกระทบต่อประชาชนในภาคครัวเรือน และเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว. พลังงาน ระบุชัดเจนว่า จะประกาศให้มีการลอยตัวก๊าซหุงต้มในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะยกเลิกกองทุนน้ำมันไปด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งนี้จะทำให้เกิดปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น และเกิดเงินเฟ้อไม่รู้จบ เพราะขณะนี้น้ำมันก็ขึ้นราคาเกือบทุกสองสัปดาห์อยู่แล้ว หากเป็นเช่นนนี้ ก็จะเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ควรจะเริ่มฟื้นตัวจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปีกลายอีก
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนที่รัฐบาลจะยุบกองทุนน้ำ รัฐบาลควรมีคำตอบในเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดิมทีตอนที่รัฐบาลนี้หาเสียงว่า จะยกเลิกกองทุนนน้ำมัน หมายถึง จะเป็นการลดภาระให้ประชาชน แต่ขณะนี้กลายเป็นว่ารัฐบาลจะไม่ใช้กองทุนน้ำมันในการช่วยเหลือประชาชนเหมือนที่ผ่านมา ความจริงการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันให้อยู่ในภาวะไม่ขาดทุน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องลงในรายละเอียดว่าโครงสร้างของพลังงานแต่ละตัว จะมีนโยบายอย่างไร แต่รัฐบาลนี้กลับไม่ใส่ใจ
"ผมเข้าใจว่า รัฐบาลอยากจะลอยตัวก๊าซ และมีเป้าหมายที่จะคำนึงถึงเรื่องของผลกำไรของธุรกิจพลังงานมากกว่า ซึ่งในวันหน้าอาจจะมีเรื่องการขายรัฐวิสาหกิจ หรือมีกรณีที่จะไปร่วมลงทุนกับเอกชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันจริง จะกระทบต่อการอุดหนุนพลังงานทดแทนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โครงสร้างด้านพลังงานต่างๆ ก็จะกระทบหมด เท่ากับว่าเราขาดเครื่องมือในการดูแล 2 กลุ่ม คือ 1. สินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับประชาชน 2. กลุ่มพลังงานทดแทนที่เราต้องการส่งเสริม สนับสนุน เพราะที่ผ่านมากองทุนน้ำมันดูแลเรื่องเสถียรภาพของราคา และช่วยแบ่งเบาภาระสินค้าของประชาชนที่จำเป็น และใช้เป็นแรงจูงใจในพลังงานทดแทน การยกเลิกทั้งหมดจะทำให้เป้าหมายไม่ได้รับการดูแล
เมื่อถามต่อว่า ข้ออ้างว่าที่ต้องทำเพราะต้องเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จริง เพราะข้อเท็จจริง ภาษีในประเทศของสินค้าบางตัว ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และการใช้พลังงานในการขนส่ง ก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย
เมื่อถามย้ำอีกว่า หากมีการขยับราคาก๊าซหุงต้มต่อถังไปที่เกือบ 600 บาท ประชาชนจะรับไหวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะเราเคยคำนวนดูแล้ว ต้นทุนที่แท้จริง หากคำนวนให้ดี ใช้ตามหลักค่าความร้อน และหลักวิทยาศาสตร์ ในการแยกก๊าซ คิดว่า ราคาขณะนี้ ก็ใม่ได้ต่ำเกินไป ถ้าปรับก็ควรปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่การประกาศลอยตัว
เมื่อถามอีกว่า นโยบายเรื่องนี้ ปตท.หรือประชาชน เป็นผู้ได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ชัดเจนว่า รัฐบาลเลือกที่จะดูแลปตท. มากกว่าดูแลประชาชน และแสดงออกมาตลอดเวลา แน่อนว่าจะทำให้ค่าครองชีพของปราชนสูงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเป็นต้นทุนพื้นฐานทั้งหมด ทำให้เกิดเงินเฟ้อ เกิดปัญหาตามมา ตลอดจนการเก็งราคาต่างๆ ก็จะเกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐิกจยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนกรณีที่อธิบดีกรมธนารักษ์ ออกมาระบุว่า จะมีการผลิตเหรียญ 20 บาท ออกมาใช้ในตลาด แสดงให้เห็นว่า ค่าเงินของไทยถูกลงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบแนวคิดนี้ แต่สิ่งสำคัญรัฐบาลต้องเร่งดูปัญหาสินค้าราคาแพงให้เร็วที่สุด ซึ่งผลสำรวจล่าสุดของเอแบคโพล ระบุว่า 60 % ยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาล ก็ไม่มีจริงๆ กลับมีแต่นโยบายซ้ำเติมยกเว้นเรื่องของธงฟ้า.