xs
xsm
sm
md
lg

ปรับจีดีพีโต5.9%หวั่นสินค้าแพงตัวฉุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้า ปรับประมาณการจีดีพีปี 55 ใหม่เป็นโต 5.9% หลังได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาล ทั้งเงินฟื้นฟูน้ำท่วม สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ขึ้นค่าแรงงาน และนักท่องเที่ยวเพิ่ม ห่วงน้ำมัน สินค้าแพง ตัวฉุดเศรษฐกิจ แนะรัฐบาลชะลอเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันช่วงครึ่งปีแรก

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยใหม่ จากเดิมที่เคยคาดการณ์เมื่อช่วงธ.ค.2554 ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2555 จะขยายตัว 4.7% โดยได้แบ่งการคาดการณ์ใหม่ออกเป็น 3 กรณี ได้แก่ กรณีแรกมีโอกาสเป็นไปได้มากสุด หรือโอกาสเกิดขึ้น 65% ซึ่งเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 5.9% การส่งออกขยายตัว 10-15% และอัตราเงินเฟ้อขยายตัว 3.7-4.2%

โดยการคาดการณ์ดังกล่าว อยู่ภายใต้เงื่อนไขระดับราคาขายปลีกดีเซลในประเทศครึ่งปีแรกต้องไม่เกิน 34 บาท/ลิตร ครึ่งปีหลังน้ำมันดีเซลไม่เกิน 35-40 บาท/ลิตร โดยระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ย 100-120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ภาวะการเมืองไทยมีเสถียรภาพ และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอยู่ในระดับ 2.3-2.7%

"เหตุผลที่ศูนย์ฯ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 5.9% มีโอกาสเกิดขึ้นมากสุด เพราะเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลดีจากการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของภาครัฐและเอกชนที่จะฟื้นกลับมา ผ่านแผนกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลทั้งงบลงทุนฟื้นฟูน้ำท่วม การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงิน 3 แสนล้านบาท ของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และวงเงินประกันความเสียหายจากน้ำท่วม การปรับขึ้นค่าแรงงานที่จะเพิ่มรายได้ให้กับภาคประชาชน และการท่องเที่ยว ที่คาดว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยว 19.8 ล้านคน สร้างรายได้ 7.7 แสนล้านบาท ส่วนภาคการส่งออกยอมรับว่าไม่ใช่ปีแห่งการส่งออกที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

นายธนวรรธน์กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วง คือ การบริหารจัดการราคาพลังงานและราคาสินค้า เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดูแล เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจให้ขยายตัวน้อยลงได้ เพราะราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นทุก 1 บาท จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลง 0.1-0.2% น้ำมันเบนซินขึ้น 1 บาท กระทบเศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลง 0.03-0.05% โดยรัฐบาลควรชะลอการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเข้ากองทุนน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรกออกไปก่อน เพราะกำลังซื้อของประชาชนและการลงทุนเอกชนยังไม่กลับมา

ส่วนครึ่งปีหลัง หากปล่อยให้ราคาพลังงานเป็นไปตามกลไกตลาด สามารถทำได้ โดยการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันไม่ควรเกิน 2 บาท เพราะระดับราคาดังกล่าวจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก เนื่องจากกำลังซื้อของคนเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและค่าแรง รวมทั้งการลงทุนเริ่มกลับมา ซึ่งราคาสินค้าในครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะปรับขึ้นตามกลไกตลาด ทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 4% สูงกว่าคาดการณ์กระทรวงพาณิชย์ไม่เกิน 3.8% ส่วนภาวะการเมืองหากมีการชุมนุมแต่ไม่มีการปะทะที่รุงแรง ถือว่ามีเสถีรยรภาพไม่กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ

สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทย 2 กรณีที่เหลือ คือ กรณีเลวร้ายสุด โอกาสเกิด 10% โดยเศรษฐกิจไทยขยายตัว 4.5-5.6% ส่งออก 5-10% เงินเฟ้อ 4.3-5% ภายใต้เงื่อนไขน้ำมันดีเซลขึ้นไป 40-45 บาท/ลิตร น้ำมันดิบตลาดโลก 130-150 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล การเมืองไม่มีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจโลกขยายตัว 1-2% กรณีดีที่สุด โอกาสเกิดขึ้น 25% เศรษฐกิจไทยขยายตัว 6.4-6.9% ส่งออก 13-18% เงินเฟ้อ 4.1-4.5% ภายใต้เงื่อนไขน้ำมันดีเซล 35-40 บาท/ลิตร น้ำมันดิบตลาดโลก 100-120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล การเมืองไทยมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.5-3.0%
กำลังโหลดความคิดเห็น