น้ำท่วมฉุดใช้จ่ายตรุษจีนปีนี้หงอย เงินสะพัด 4 หมื่นล้าน โตจากปีก่อนแค่ 2.56% เผยหากน้ำไม่ท่วมน่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 7%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2555 ซึ่งตรงกับวันที่ 22-23 ม.ค.2555 โดยเป็นการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 1,200 ราย ระหว่างวันที่ 10-15 ม.ค.2555 ว่า การจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคัก ประเมินว่ามีเงินใช้จ่ายสะพัด 40,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.56% เป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยหากไม่เจอปัญหาอุทกภัย ตรุษจีนปีนี้น่าจะขยายตัวได้เกิน 7% มูลค่าการใช้จ่าย 42,000-43,000 ล้านบาท หรือผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้การใช้จ่ายตรุษจีนหายไป 2,000-3,000 ล้านบาท
“ ผลสำรวจระบุชัดว่า บรรยากาศเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคักอย่างที่ควรจะเป็น เพราะมีปัจจัยบั่นทอนหลายอย่าง ทั้งปัญหาน้ำท่วมก่อนหน้านี้ที่ทำให้ประชาชนเน้นซื้อสินค้าคงทนทดแทนของที่เสียหายจากน้ำท่วมมากกว่าจะใช้จ่ายทั่วไป และยังมีเรื่องการปรับขึ้นราคาพลังงาน เป็นตัวกดดันอีก”
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนยังมีความวิตกกังวลในเรื่องค่าครองชีพ และสินค้ามีราคาแพง รัฐบาลจะต้องเน้นการดูแลปัญหาเหล่านี้ และผลักดันให้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2% ไตรมาส 2 ไม่ต่ำกว่า 4% เพื่อให้มีแรงส่งไปถึงเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวจากปัญหาน้ำท่วมกลับคืนมาอย่างเต็มที่เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 5-7%
สำหรับสิ่งที่รัฐบาลควรจะพิจารณาเร่งด่วน ก็คือ การยืดระยะเวลาการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันออกไปจนถึงเดือนมี.ค. จากนั้นจึงค่อยทยอยการขึ้นภาษีไม่เกินลิตรละ 2 บาท ในครึ่งปีแรก และเก็บให้ครบ 5 บาทในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีแล้ว
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ที่ลดลง ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะราคาสินค้าแพงขึ้นมาก โดยยังคงซื้อสินค้าเพื่อเซ่นไหว้และทำบุญเพื่อความเป็นศิริมงคลเหมือนเดิม แต่ซื้อน้อยลง เพราะเงินส่วนใหญ่ได้ใช้ไปในการซ่อมแซมบ้าน และซื้อสินค้าทดแทนสินค้าที่เสียหายจากน้ำท่วม
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2555 ซึ่งตรงกับวันที่ 22-23 ม.ค.2555 โดยเป็นการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 1,200 ราย ระหว่างวันที่ 10-15 ม.ค.2555 ว่า การจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคัก ประเมินว่ามีเงินใช้จ่ายสะพัด 40,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.56% เป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยหากไม่เจอปัญหาอุทกภัย ตรุษจีนปีนี้น่าจะขยายตัวได้เกิน 7% มูลค่าการใช้จ่าย 42,000-43,000 ล้านบาท หรือผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้การใช้จ่ายตรุษจีนหายไป 2,000-3,000 ล้านบาท
“ ผลสำรวจระบุชัดว่า บรรยากาศเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคักอย่างที่ควรจะเป็น เพราะมีปัจจัยบั่นทอนหลายอย่าง ทั้งปัญหาน้ำท่วมก่อนหน้านี้ที่ทำให้ประชาชนเน้นซื้อสินค้าคงทนทดแทนของที่เสียหายจากน้ำท่วมมากกว่าจะใช้จ่ายทั่วไป และยังมีเรื่องการปรับขึ้นราคาพลังงาน เป็นตัวกดดันอีก”
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนยังมีความวิตกกังวลในเรื่องค่าครองชีพ และสินค้ามีราคาแพง รัฐบาลจะต้องเน้นการดูแลปัญหาเหล่านี้ และผลักดันให้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2% ไตรมาส 2 ไม่ต่ำกว่า 4% เพื่อให้มีแรงส่งไปถึงเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวจากปัญหาน้ำท่วมกลับคืนมาอย่างเต็มที่เพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 5-7%
สำหรับสิ่งที่รัฐบาลควรจะพิจารณาเร่งด่วน ก็คือ การยืดระยะเวลาการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันออกไปจนถึงเดือนมี.ค. จากนั้นจึงค่อยทยอยการขึ้นภาษีไม่เกินลิตรละ 2 บาท ในครึ่งปีแรก และเก็บให้ครบ 5 บาทในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีแล้ว
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ที่ลดลง ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะราคาสินค้าแพงขึ้นมาก โดยยังคงซื้อสินค้าเพื่อเซ่นไหว้และทำบุญเพื่อความเป็นศิริมงคลเหมือนเดิม แต่ซื้อน้อยลง เพราะเงินส่วนใหญ่ได้ใช้ไปในการซ่อมแซมบ้าน และซื้อสินค้าทดแทนสินค้าที่เสียหายจากน้ำท่วม
