หอการค้าฯ คาดตรุษจีนปีนี้ ไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะเหยื่อน้ำท่วมจำนวนมากยังบาดเจ็บ เลือกซื้อเครื่องเซ่นไหว้เท่าที่จำเป็น ส่วนปัญหาที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด คือ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการขึ้นราคา น้ำมัน-ก๊าซ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐ การอัดฉีดเม็ดเงินใส่ระบบ ยังทำได้ไม่เต็มที่ ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ และการจ่ายเงินเยียวยา แถมยังมีปัญหาก่อการร้ายฉุดความเชื่อมั่น โดยอาจมีเม็ดเงินสะพัดแค่ 4.2 หมื่นล้าน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยประเมินว่า การใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนปีนี้ ไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยคาดว่า จะมีเม็ดเงินสะพัด 42,000-43,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากปีที่แล้ว
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่า จะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5-2.0 เนื่องจากนโยบายของรัฐยังไม่เข้าสู่ระบบอย่างเต็มที่ เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การจ่ายเงินฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และปัญหาก่อการร้ายในไทยที่กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่วนปัญหาที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด คือ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากการปรับราคาน้ำมันและก๊าซ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีผลเชิงวิทยา
รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศที่ตลาดเก่าเยาวราช เริ่มมีประชาชนและชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายซื้อเครื่องเซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีนปี 2555 ซึ่งตรงกับวันที่ 23 มกราคม 2555 โดยบรรยากาศการจับจ่ายยังไม่ค่อยคึกคัก เนื่องจากมีปัจจัยกดดันทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง เพราะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ต้องมีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมและปรับปรุงที่พักอาศัย รวมทั้งซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านใหม่
นอกจากนี้ ราคาสินค้า และเครื่องเซ่นไหว้ ปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้บางครอบครัวลดปริมาณเครื่องเซ่นไหว้ให้มีขนาดเล็กลง โดยซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็น ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยนับตั้งแต่เริ่มต้นเดือนมกราคม 2555 เป็นต้นมา ราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นไปแล้วถึง 5 ครั้ง รวมการปรับขึ้นไปประมาณ 3.57 บาทต่อลิตร ทำให้ประชาชนคนไทยหันมาประหยัดและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
น.ส.อมรพรรณ ชาญสาธิต ร้านขายไก่ ติกกิม เยาวราช กล่าวว่า ราคาเครื่องเซ่นไหว้ ประเภทเนื้อสัตว์สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ผู้ขายพยายามขายในราคาเดิม เพราะบรรยากาศตรุษจีนปีนี้ไม่ค่อยคึกคัก ทำให้ต้องยอมลดกำไรบ้างส่วนลงบ้าง เพื่อรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ และเข้าใจว่าลูกค้าบางคนบ้านน้ำท่วม ต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น โดยราคาไก่ตัวละ 380 บาท เป็ดพะโล้ ตัวละ 350 บาท หมูชิ้นละ 120-150 บาท ปลากะพง ตัวละ 350 บาท ปลาหมึกแห้งตัวใหญ่ 1,100 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนผลไม้ พบว่า ผลไม้ไทยผลผลิตน้อยลง เนื่องจากผลผลิตจากสวนหลายแห่ง ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2554 โดยราคาส้ม ออสเตรเลีย 90 บาท ต่อ กิโลกรัม แอปเปิล 3-6 ลูก 100 บาท สาลี่ 3 ลูก 100 บาท เชอรี่ 580 บาทต่อกิโลกรัม กล้วยหอม 100 บาทต่อหวี
นางประยงค์ พงศ์จวน แม่ค้าผลไม้ กล่าวว่า ปีนี้ผลไม้นำเข้ามีมาจำหน่ายมากกว่าผลไม้ไทย เพราะผลผลิตบางส่วนเสียหายจากน้ำท่วม เช่น กล้วยหอม ซึ่งแหล่งปลูกอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ก็ถูกน้ำท่วม ผลผลิตจึงลดลงกว่าครึ่ง ซึ่งก็นำมาขายในราคาเดิมหรือถูกกว่า เพราะปีนี้คนซื้อลดงบประมาณในการจ่ายลง หากราคาแพงเกินไปลูกค้าก็จะไม่ซื้อ