xs
xsm
sm
md
lg

บางจาก-ปตท.ขึ้นอีกลิตรละ1บาท น้ำมันทะลุ42 รมต.แดง"ณัฐวุฒิ"รวยอู้ฟู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - คนไทยกระอักรายวัน น้ำมันขึ้นราคาอีกวันนี้ กบง.เคาะรีดเงินเบนซิน 91-95 อีกลิตรละ 1 บาทดันราคาขายปลีกแตะ 42.58 บาทต่อลิตร คาด“สิบล้อ” อัด รบ.มั่วแก้น้ำมัน-ก๊าซแพง เปิดขุมทรัพย์ ครม.ยิ่งลักษณ์ 2 “นิวัฒน์ธำรง” รวยสุด 137 ล้าน “อำมาตย์เต้น” รวยอู้ฟู้ ส่วนพวกเก้าอี้หลุด “หมอวรรณรัตน์” รวยเพิ่ม 22 ล้าน "ยุทธศักดิ์" รวย 380 ล้าน

บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันเฉพาะเบนซิน 91 อีกลิตรละ 1.07 บาท ส่วนดีเซลยังคงเดิม ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เนื่องจากการปรับอัตราการนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกลิตร 1 บาท โดยจะมีผลหลังเที่ยงคืนวันที่ 15 มีนาคมนี้

ทั้งนี้ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันของบางจากวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 42.58 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 40.23 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 38.48 บาท, E85 ลิตรละ 23.98 บาท, E20 ลิตรละ 37.48 บาท และดีเซล ลิตรละ 32.33 บาท

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)วานนี้(15มี.ค.) ว่า ที่ประชุมกบง.เห็นชอบเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเฉพาะเบนซิน 95 และเบนซิน 91 อัตราลิตรละ 1 บาทมีผลตั้งแต่ 16 มี.ค.-15เม.ย. 55 โดยยังคงเงินนำส่งของแก๊สโซฮอล์เพื่อถ่างส่วนต่างราคาให้จูงใจใช้พลังงานทดแทน ส่วนดีเซลคงการเก็บอัตราเดิมที่ 60 สตางค์ต่อลิตรโดยจะติดตามราคาตลาดโลกอย่างใกล้ชิดเนื่องจากดีเซลที่ระดับเกิน 33 บาทต่อลิตรจึงจะมีผลต่อการปรับขึ้นค่าขนส่งทั้งรถโดยสารสาธารณะ บรรทุก เรือ ซึ่งจะมีผลสะท้อนไปยังราคาสินค้า

“เราจะขอติดตามราคาดีเซลตลาดโลกเพราะเวลานี้ยังไม่ถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหากมีผลให้ราคาขายปลีกไทยเกิน 33 บาทต่อลิตรจึงจะใช้เครื่องมือที่เรามีอยู่เพียงอย่างเดียวคือ การลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซึ่งหากถึงตรงนั้นจริงก็พร้อมจะประชุมทันที ดังนั้นค่าขนส่งต่างๆที่อ้างจะขึ้นราคาตอนนี้ยังไม่ใช่ซึ่งตัวเลขนี้เราก็เอามาจากผู้ประกอบขนส่งที่ระบุไว้เอง “รมว.พลังงานกล่าว

อย่างไรก็ตามกลไกดูแลราคาดีเซลไม่ให้สูงเพื่อลดค่าครองชีพประชาชนสำคัญคงจะอยู่ที่กระทรวงการคลังในเรื่องของการคงภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ลด ไปก่อนหน้า 5.30 บาทต่อลิตรซึ่งคลังได้ต่อมาตรการดังกล่าวถึงสิ้นมี.ค.55 ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)อังคารหน้าในการคงมาตรการไปเป็นถึงสิ้นสุดเม.ย. 55 แทน

ทั้งนี้ผลจากการเก็บเงินเข้ากองทุนฯส่วนของเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตรจะมีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันทั้งสองชนิดเพิ่มขึ้น 1.07 บาทต่อ ลิตร และถ่างส่วนต่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 กับน้ำมันเบนซิน 91 เพิ่มจาก 1.28 บาทต่อลิตรเป็น 2.35 บาทต่อลิตร และส่วนต่างระหว่างน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 กับเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นจาก 5.23 บาทต่อลิตรเป็น 6.30 บาทต่อลิตรและยังส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯมีภาระลดลงประมาณวันละ 9 ล้านบาทจากติดลบวันละ 146 ล้านบาทเหลือติดลบวันละ 137 ล้านบาท โดยปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯติดลบ 2.1 หมื่นล้านบาท

***ยันยังคงจำหน่ายบี5ไม่ลดสัดส่วนลง

นายอารักษ์กล่าวว่า การจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล(บี5)ในปัจจุบันยังไม่จำเป็นจะต้องลดสัดส่วนการผสมบี 100 ลงแต่อย่างใดแม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่องของปาล์มขาดแคลนก็ตามเนื่องจากส่วนหนึ่งผู้ค้าน้ำมันยังคงมีสต็อกที่น่าจะใช้ได้อีก 1-2 เดือนประกอบกับการปรับลดสัดส่วนการจำหน่ายบี 5 ลงมาเหลือบี 3-บี 4แม้กฎหมายจะเปิดช่องไว้แต่ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงเพราะการใช้น้ำมันปาล์มในส่วนของพลังงานเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก

*** “สิบล้อ” อัด รบ.แก้ปัญหามั่ว

นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการด้านขนส่งได้รับผลกระทบ มีความจำเป็นที่จะต้องขอขึ้นค่าขนส่งอีก อย่างน้อย 5% หากสถานการณ์พลังงาน ยังขยับขึ้นต่อเนื่อง ก็จะต้องมีการพิจารณาขอปรับขึ้นอีกในไตรมาสต่อๆ ไป โดยยืนยันว่า การขอขึ้นราคาค่าขนส่งไม่จำเป็นต้องขออนุญาตต่อรัฐบาลด้วย

ราคาพลังงานในปัจจุบันไม่สะท้อนความเป็นจริง รัฐบาลทำไม่ถูกต้องที่ยอมให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ปรับขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซ แต่ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก รัฐบาลควรจะควบคุมในส่วนของก๊าซธรรมชาติ ทั้งในส่วนของ NGV และก๊าซ LPG เพราะว่ายังมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำ ไม่ต้องขนส่ง เพราะเป็นก๊าซที่นำมาจากอ่าวไทย หรือ พม่า เท่านั้น แต่หากยังปล่อยให้ ปตท.ปรับขึ้นราคาต่อไป ก็จะกระทบกับประชาชน อย่างมากแน่นอน

***“ชัจจ์”สั่งกรมเจ้าท่าดูต้นทุนเรือ

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารเรือหรือไม่

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้เรือตรีปรีชา เพ็ชรวงศ์ รองอธิบดี จท.ซึ่งเป็นประธานประธานอนุกรรมการกำหนดรายละเอียดพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือ ซึ่งเป็นคณะทำงานดูต้นทุนค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ ไปพิจารณาต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของผู้ประกอบการเดินเรือแล้ว ซึ่งตามข้อตกลงจะมีการพิจารณาค่าโดยสารเมื่อราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร และราคาจะต้องนิ่งหรือไม่มีแนวโน้มลดลงประมาณ 15 วันก่อน

***เรือด่วนกลับลำไม่หยุดวิ่ง

ส่วนที่ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ขอยกเลิกให้บริการเรือโดยสารส่วนต่อขยายเส้นทางท่าเรือสาทร ถึงท่าเรือบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ประสานกับบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อให้เปิดบริการเดินเรือเส้นทางท่าเรือสาทร ถึงท่าเรือบิ๊กซี ราษฎร์บูรณะต่อไป เนื่องจากการยกเลิกการเดินเรือจะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้โดยสารเรือเป็นอย่างมาก โดยทางบริษัท ได้ขอปรับลดเที่ยว จากปกติช่วงเช้า 5 เที่ยว เหลือ 4 เที่ยว ส่วนช่วงเย็น ปกติ 5 เที่ยว เหลือ 4 เที่ยวแทน

**กรมเจ้าท่าถกต้นทุนผู้ประกอบการ

คณะอนุกรรมการพิจารณารายละเอียดต้นทุนค่าเรือโดยสาร และผู้ประกอบการได้ประชุมร่วมกันวานนี้ โดยนายปรีชา เพ็ชรวงศ์ รองอธิบดี จท. กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนจากสมาคมเรือไทย เรือด่วนเจ้าพระยา และเรือข้ามฟากในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารเรือแต่อย่างไร เพราะเป็นการทำความเข้าใจร่วมกันถึงรายละเอียดในส่วนอื่นที่นอกเหนือจากราคาน้ำมัน เพื่อจะรวบข้อมูลก่อนจะนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือโดยสารประจำทางที่มีนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นประธาน พิจารณา

นายปริญญา รักวาทิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ได้นำเสนอข้อมูลการขอปรับขึ้นราคาอีกระยะละ 2 บาทให้กรมเจ้าท่าพิจารณา ภายใต้เงื่อนไขราคาน้ำมันดีเซลราคา 33-36 บาทต่อลิตร โดยคาดว่าเรื่องดังกล่าวจะได้ข้อสรุป และสามารถปรับขึ้นราคาได้ภายใน 1 เดือน ซึ่งจะพอดีกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามเงื่อนไขที่กำหนด จากปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 32.33 บาทต่อลิตร

***ขบ.เร่งศึกษาต้นทุนแท็กซี่

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) กล่าวถึงการปรับค่าโดยสารแท็กซี่ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบการปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ให้เป็นธรรมกับประชาชนผู้ใช้บริการ และผู้ประกอบการมากที่สุด ทั้งนี้ตั้งแต่ ขบ.เปิดรับจดทะเบียนรถแท็กซี่มิเตอร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2535 ถึงปัจจุบันมีการปรับอัตราค่าโดยสารล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551 คือ ตั้งแต่ 2-12 กิโลเมตร เดิมกิโลเมตรละ 4.50 บาท ปรับเป็น 5 บาท จาก 12-20 กิโลเมตร เดิมกิโลเมตรละ 5 บาท ปรับเป็น 5.50 บาท จาก 20 กิโลเมตรขึ้นไป เดิมกิโลเมตรละ 5.50 บาท ปรับเป็น 20-40 กิโลเมตร กิโลเมตรละ 6 บาท เป็นต้น

สำหรับข้อมูลการจดทะเบียนรถแท็กซี่สะสมจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2555 มีจำนวนรถแท็กซี่ทั้งสิ้นจำนวน99,375 คัน เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล 23,757 คัน และรถแท็กซี่นิติบุคคล จำนวน 75,618 คัน ส่วนรถตู้โดยสารประจำทางมีจำนวน 13,686 คัน รถตู้โดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 7,104 คัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางหลากหลายช่องทาง หากอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์สูงเกินไป จะทำให้ประชาชาหันไปใช้บริการอื่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ใช้บริการรถแท็กซี่น้อยลง

**มาร์คจี้รัฐเร่งแก้ปัญหาปากท้อง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงเรื่องราคาสินค้า ที่เหมือนมีการบิดเบือนโครงสร้างราคา ทั้งที่ต้นทุนวัตถุดิบไม่ได้แพงจริงว่า ตนไม่ค่อยแน่ใจว่ารัฐบาลต้องการสื่อสารอะไร แต่เรื่องโครงสร้างต้นทุนเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาลที่จะต้องเข้าไปดูแล ส่วนที่ระบุว่าสินค้าไม่ได้มีราคาแพงจริงนั้น ต้องไปถามประชาชน เพราะตอนนี้ทุกคนทราบดี

หากรัฐบาลยังยืนยันว่าต้นทุนสินค้าไม่สูง ก็ยิ่งเป็นปัญหาของรัฐบาลว่าเหตุใดจึงปล่อยให้ราคาสินค้าแพง แต่แปลกใจว่ารัฐบาลกลับพยายามให้เรื่องนี้กลายเป็นการตอบโต้ทางการเมือง ในขณะที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพ ที่ผมแปลกใจก็คือ รัฐบาลพยายามที่จะให้เป็นเรื่องของการตอบโต้ทางการเมือง ประชาชนไม่ได้สนใจหรอกครับ ต้องการว่าทำยังไงค่าครองชีพของเขาไม่สูงขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

*****”ปู”ถกแก้ไขสินค้าแพงวันนี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีราคาสินค้าที่ขยับราคาสูงขึ้นว่า จะมีการประชุมในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 08.00 น.

นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้เวลา 08.00น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจกัรวมทั้งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจร่วมด้วย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องสินค้าราคาแพง เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน

***กระทู้สดถามอารักษ์

นายแพทย์ สุกิจ อัถโถปกรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนจากสินค้ากลุ่มพลังงาน ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน โดยตั้งคำถามว่าทำไมไม่คิดช่วยเหลือประชาชน และจะมีวิธีช่วยเหลืออย่างไรบ้าง

นพ.สุกิจ กล่าวว่า การที่รัฐบาลลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จนทำให้กองทุนติดลบ และถือเป็นนโยบายที่ผิดพลาด และขณะนี้รัฐบาลยังยืนยันที่จะซ้ำเติมประชาชนด้วยการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุน

“รัฐบาลยอมรับว่าจะซ้ำเติมประชาชน ซึ่งที่ระบุว่า จะขึ้นราคาก๊าซ LPG และ NGV เดือนละ 0.75 และ 0.50 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับไปอีกปีหนึ่ง แต่ผ่านมาแค่ 2 เดือน แท็กซี่ก็มาเรียกร้องขอขึ้นราคาและหากสิ้นปีปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้ม เชื่อว่าราคาจะสูงถึงกิโลกรัมละ 30 บาทแล้วรัฐบาลจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร”

ทั้งนี้ ในส่วนของน้ำมันดีซเล สมัยรัฐบาล ปชป.ใช้มาตรการทางสรรพสามิต ไม่ให้ราคาดีเซลเกิน 30 บาท ก็ถูกเยาะเย้ย ว่า เป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย 5 หมื่นล้านบาท และรัฐมนตรีพลังงานคนก่อนบอกว่า จะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด แต่ตอนนี้รัฐบาลยังดำเนินการเรื่องนี้ต่อมา ถึงตอนนี้ 8 เดือนแล้ว เสียหายอย่างนี้เดือนละ 9,000 ล้าน เมื่อรวมยอดเท่ากับ 7.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่อยากให้มาโจมตีรัฐบาลที่แล้ว เพราะหากยกเลิกมาตรการทางภาษีสรรพสามิตวันไหนจะทำให้ น้ำมันดีเซลพุ่งพรวด 5 บาท เป็นลิตรละ 38 บาท

*** “อารักษ์”อ้างราคาตลาดโลกพุ่ง

ด้านนายอารักษ์ ชลธารนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวตอบกระทู้ โดยยืนยันว่า ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ แต่ที่ราคาน้ำมัน และก๊าซเพิ่มสูงขึ้นนั้นเป็นเพราะราคาตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง

“เราพบว่า จากราคาน้ำมันดีเซลที่วันนี้อยู่ที่ลิตรละ 32 บาท จากเดิม 29 บาท ทั้งที่ราคาในตลาดโลกสูงขึ้น 50% ซึ่งหากรัฐบาลไม่ทำอะไรราคาก็จะสูงถึงลิตรละ 36-37 บาทแล้ว ส่วนราคาก๊าซนั้นภาครัฐได้ปรึกษากับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง และจะได้ข้อสรุปชัดเจนในเดือนเมษายน 2555 นี้”
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า แท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นแอลพีจี เอ็นจีวี ทางกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งยืนยันว่ายังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะได้รับการชดเชย ซึ่งได้คุย กลุ่มแท็กซี่หลายราย และเขาบอกว่าไม่ได้รับผลกระทบ เพราะราคาที่ปรับขึ้น 3 เดือนๆ ละ 50 สตางค์ แต่แท็กซี่ไม่ได้จ่ายเงินเพิ่ม คือ ยังจ่ายที่ลิตรละ 8.50 บาทเท่าเดิม

ขณะนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบไปแล้ว 2 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งการดำเนินการต้องดูในภาพรวมพลังงานไม่ใช่แค่น้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูไปถึงเรื่องก๊าซด้วย ซึ่งยืนยันว่าการนำเงินกองทุนน้ำมันไปใช้นั้นไม่ได้ใช้ผิดประเภท แต่ที่ติดลบมากเพราะต้องนำเข้าไปสนับสนุนการใช้ก๊าซ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนเรื่องราคาน้ำมันนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาแต่มีแนวโน้มที่จะขึ้นราคา

****ส.ภัตตาคารแนะวิธีลดต้นทุน

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ จะขอความร่วมมือไปยังสมาชิก ไม่ให้ปรับขึ้นราคาก้าวกระโดด รวมทั้งขอให้ร้านค้าสมาชิกจัดทำเมนูทางเลือกให้ผู้บริโภค ได้เลือกบริโภคอาหารราคาถูกด้วย นอกจากนั้น ได้ขอความร่วมมือไปยัง ห้างค้าส่ง เช่น แม็คโคร จัดหาวัตถุดิบที่ราคาไม่แพง สำหรับใช้ทำเมนูแนะนำเพื่อลดภาระผู้ประกอบการ

ขณะเดียวกันต้องการให้กรมการค้าภายในสนับสนุนโครงการธงฟ้าต่อไป แต่ควรให้ความสำคัญกับการหาแหล่งวัตถุดิบที่ราคาต่ำ มากกว่าการจัดงานธงฟ้า และให้ทำความเข้าใจกับร้านอาหารทั่วไปที่มีมากถึง 200,00 ราย ให้ปรับราคาสมเหตุสมผลไม่ใช่ก้าวกระโดด

*** เปิดขุมทรัพย์ ครม.ยิ่งลักษณ์ 2

วานนี้ (15 มี.ค.) ที่สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2 ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 ม.ค.55 จำนวน 16 คน ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มีทรัพย์สิน 60,485,623 บาท พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี 380,789,887 บาท นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญูกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 24,567,462 บาท นางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 18,959,066 บาท นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 137,563,433 บาท

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม 49,420,434 บาท นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม 17,866,358 บาท นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน 82,049,173 บาท นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ 15,180,681 บาท นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ 30,381,378 บาท ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม 41,431,459 บาท นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง 382,797 บาท นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ 16,263,953 บาท นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม 50,531,762 บาท นายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ 19,825,482 บาท และ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข 101,374,666 บาท

สำหรับรัฐมนตรีหน้าเก่าที่ปรับย้ายมารับตำแหน่งใหม่ ปรากฏว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากสุด คือ 380,789,887 บาท ส่วน นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากที่สุดในบรรดารัฐมนตรีหน้าใหม่ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 137,563,433 บาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินของ นางบุณยพัชรี บุญทรงไพศาล คู่สมรส ซึ่งพบว่าเป็นเงินฝากและเงินลงทุนถึงกว่า 80 ล้านบาท รวมไปถึงที่ดินอีก 20 แปลง รวมมูลค่า 23 ล้านบาท ส่วนรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่มีทรัพย์สินน้อยที่สุด คือ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง มีทรัพย์สินเป็นเงินฝากรายการเดียว 382,797.96 บาท ไม่มีหนี้สิน

** "ไอ้เต้นเผาเมือง" รวย 16 ล.

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปรากฎว่ามีทรัพย์สิน 16,263,953 บาท ประกอบด้วยทรัพย์สินที่เป็นเงินฝาก ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ยานพาหนะรวมกว่า 16 ล้านบาท เป็นของภรรยาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 7 กว่าล้านบาท แต่มีหนี้สิน 7.6 ล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1,137,538 บาท จากเมื่อครั้งแจ้งทรัพย์สินในการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ที่แจ้งไว้ 15,126,415 บาท โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นมานั้น ได้แก่ รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ท เลขทะเบียน 45093 (ป้ายแดง) มูลค่า 2.24 ล้านบาท ที่แจ้งครอบครองไว้เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2554 และเงินฝากของนางศิริสกุล ใสยเกื้อ คู่สมรส ที่เพิ่มขึ้นมา 9.3 แสนบาท ขณะเดียวกันก็มีหนี้สินเพิ่มขึ้น 8.8 แสนบาทด้วย

ขณะที่ นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 18,959,066 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 2.6 ล้านบาท เงินลงทุน 14 ล้านบาท ที่ดิน 5.9 แสนบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4.5 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 1 ล้านบาท มีหนี้สินเพียง 7.7 หมื่นบาท

ทั้งนี้ สำหรับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ที่พ้นตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2555 มีจำนวนทั้งสิ้น 10 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สิน 28,218,770 บาท นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง 113,423,072 บาท นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน 197,299,176 บาท นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีต รมว.อุตสาหกรรม 261,437,519 บาท นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 16,662,565 บาท นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ 33,673,826 บาท นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ อดีต รมช.คมนาคม 5,192,088 บาท นางบุญรื่น ศรีธเรศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ 28,773,775 บาท นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล อดีต รมช.ศึกษาธิการ 214,666,146 บาท และนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีต รมช.สาธารณสุข 6,706,832 บาท

ในส่วนของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งส่วนใหญ่มีทรัพย์สินเปลี่ยนแปลงไม่มาก แต่ก็พบว่าบางรายมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีต รมว.อุตสาหกรรม ที่เพิ่มขึ้นกว่า 22 ล้านบาท ซึ่งเป็นในส่วนของที่ดินในนาม นางเต็มศิริ ชาญนุกูล คู่สมรส ที่เพิ่มมา 8 แปลงจากทั้งหมด 35 แปลง โดยส่วนใหญ่เป็นที่ดินใน จ.นครราชสีมา

ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง รมช.คลัง วันที่ 10 สิงหาคม 2554 ไว้จำนวน 4.44 ล้านบาท ได้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาราว 10.7 ล้านบาท รวมแจ้งในครั้งนี้ 15.1 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมา คือ ที่ดิน 2 แปลงใน อ.เมือง จ.ตาก ในนามนางปอยใจระพี เตริยาภิรมย์ คู่สมรส ที่ได้แจ้งสิทธิครอบครองเมื่อเดือนสิงหาคม และพฤศจิกายน 2554 มูลค่ารวม 10.5 ล้านบาท เช่นเดียวกับนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ อดีต รมช.คมนาคม ที่มีเงินสดและเงินฝากเพิ่มขึ้นมูลค่า 2.2 ล้านบาท

ขณะที่ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล อดีต รมช.ศึกษาธิการ และนางบุญรื่น ศรีธเรศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ เป็นอดีตรัฐมนตรีที่มีทรัพย์สินลดลงเล็กน้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น