นายกฯ ยันไม่นิ่งนอนใจ ปัญหาค่าครองชีพ-น้ำมันแพง สั่ง “พลังงาน” เร่งแก้ปัญหาและติดตามใกล้ชิด หากมีข้อสรุปจะเร่งชี้แจงทันที ส่วนการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจ “อภิสิทธิ์” เรียกร้อง รบ.จริงใจ แก้ปัญหาปากท้อง ปชช.พร้อมตั้งข้อสังเกต ตอนที่หาเสียง นายกฯ ได้ประกาศว่า จะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ แต่ตอนนี้จะไม่ใช้กองทุนนี้เพื่อแก้ปัญหา เตือนหากยกเลิกจริง อาจส่งผลต่อเงินเฟ้อ และซ้ำเติม ศก.รวมที่กำลังฟื้นตัวจากน้ำท่วม
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์กรณีที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยยอมรับว่า ตนเองไม่นิ่งนอนใจ และได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ประชาชนแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นห่วง
ทั้งนี้ หากมีข้อสรุปจะเร่งชี้แจงทันที แต่ขณะนี้ขอศึกษารายละเอียดเพื่อไม่ให้เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น จนกลายเป็นปัญหาระยะยาว พร้อมเร่งรณรงค์ให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทน และยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่ได้ข้อสรุป หรือมีการตัดสินใจยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่อย่างใด
โดยก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) ที่จะปรับราคาขึ้นเท่าตัว
ส่วนกระแสข่าวการยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า หากรัฐบาลมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ เชื่อว่า จะกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจในภาพรวม ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อ ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเริ่มจะฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วม
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวแนะนำรัฐบาลชุดปัจจุบัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ตอนที่รัฐบาลชุดนี้หาเสียงกับประชาชน ได้ประกาศว่าจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เป็นความหมายที่จะลดภาระให้กับประชาชน แต่บัดนี้กลายเป็นว่า รัฐบาลจะไม่ใช้กองทุนน้ำมันในการช่วยเหลือประชาชนเหมือนที่ผ่านมา
“ความจริงแล้ว การบริหารกองทุนน้ำมันฯ ให้อยู่ในภาวะซึ่งไม่ขาดทุน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องลงไปในรายละเอียดว่า โครงสร้างของพลังงานแต่ละตัวจะมีนโยบายอย่างไร แต่รัฐบาลกลับไม่ใส่ใจ เพราะอยากจะลอยตัว และมีเป้าหมายเรื่องผลกำไรธุรกิจพลังงานมากกว่า และในวันข้างหน้า อาจจะมีเรื่องการขายรัฐวิสาหกิจ หรือมีกรณีที่จะไปร่วมลงทุนกับเอกชนอื่นๆ หรือไม่”