แบงก์ชาติชี้ไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณดีขึ้น มีโอกาสกลับมาเป็นบวก เผยแนวโน้มเดือน ก.พ.ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ การผลิต การอุปโภคบริโภค และการลงทุน เด้งขึ้นมาชัดเจน จับตาราคาน้ำมันในตลาดโลกดันให้ความเสี่ยงเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการสู้รบทางการเมืองในแต่ละภูมิภาค
นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นและฟื้นตัวได้ตามที่ธปท.คาดการณ์ไว้ โดยเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจไทยในหลายตัวฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาเรียบร้อยแล้ว
โดยขณะนี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นและสะท้อนมุมมองที่ดีขึ้นในอนาคตเช่นกัน สอดคล้องกับภาคการผลิต การอุปโภคบริโภค และการลงทุนที่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค.จนข้อมูลเบื้องต้นในเดือนก.พ.นี้ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปก็ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ไม่ต่างจากเดิมที่ธปท.ประเมินไว้อยู่
“ภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวตามที่เราคาดการณ์ไว้ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในหลายภาคส่วน และคาดว่าไตรมาสแรกของปีนี้เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเศรษฐกิจไทยน่าจะกลับมาเป็นบวกได้ ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องติดตามและจับตาเป็นพิเศษ คือ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นพัฒนาการใหม่ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ โดยยอมรับว่าราคน้ำมันเป็นปัจจัยหลักโดยเฉพาะจากฝั่งของอุปทานที่เกิดจากปัจจัยการเมืองในแต่ละภูมิภาค เพราะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก เพราะเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากภาวะเศรษฐกิจ”
นายทรงธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ธปท.จะมีการปรับประมาณการสมมติฐานราคาน้ำมันดูไบใหม่ เนื่องจากขณะนี้เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่าปัญหาด้านอุปทานที่เกิดจากประเทศในตะวันออกกลางเริ่มยืดเยื้อมากขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่วนจะปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานหรือไม่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ก่อน ซึ่งในส่วนของนโยบายรัฐ อาทิ การทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การปรับก๊าซเอ็นจีวี ก๊าซแอลพีจี รวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือน 300 บาทรอบที่ 2 ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ก็ได้นำปัจจัยเหล่านี้ประเมินไว้สมมติฐานของธปท.เรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท.กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสมมติฐานราคาน้ำมันของธปท.ไว้ โดยธปท.ประเมินราคาน้ำมันดูไบค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีนี้ไว้ที่ 103.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยช่วงครึ่งแรกของปีนี้ที่ระดับ 106.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ครึ่งหลังของปีอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับราคาน้ำมันดูไบในตลาดโลกปรับตัวสูงถึง 122 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 112 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ธปท.ต้องมีการทบทวนสมมติฐานราคาน้ำมันใหม่ ซึ่งปัจจุบันธปท.ประเมินเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐาน 3.2% และ2.2% ตามลำดับ
นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นและฟื้นตัวได้ตามที่ธปท.คาดการณ์ไว้ โดยเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจไทยในหลายตัวฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาเรียบร้อยแล้ว
โดยขณะนี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นและสะท้อนมุมมองที่ดีขึ้นในอนาคตเช่นกัน สอดคล้องกับภาคการผลิต การอุปโภคบริโภค และการลงทุนที่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค.จนข้อมูลเบื้องต้นในเดือนก.พ.นี้ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปก็ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ไม่ต่างจากเดิมที่ธปท.ประเมินไว้อยู่
“ภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวตามที่เราคาดการณ์ไว้ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในหลายภาคส่วน และคาดว่าไตรมาสแรกของปีนี้เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเศรษฐกิจไทยน่าจะกลับมาเป็นบวกได้ ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องติดตามและจับตาเป็นพิเศษ คือ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นพัฒนาการใหม่ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ โดยยอมรับว่าราคน้ำมันเป็นปัจจัยหลักโดยเฉพาะจากฝั่งของอุปทานที่เกิดจากปัจจัยการเมืองในแต่ละภูมิภาค เพราะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก เพราะเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากภาวะเศรษฐกิจ”
นายทรงธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ธปท.จะมีการปรับประมาณการสมมติฐานราคาน้ำมันดูไบใหม่ เนื่องจากขณะนี้เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่าปัญหาด้านอุปทานที่เกิดจากประเทศในตะวันออกกลางเริ่มยืดเยื้อมากขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่วนจะปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานหรือไม่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ก่อน ซึ่งในส่วนของนโยบายรัฐ อาทิ การทยอยปรับเพิ่มอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การปรับก๊าซเอ็นจีวี ก๊าซแอลพีจี รวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือน 300 บาทรอบที่ 2 ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ก็ได้นำปัจจัยเหล่านี้ประเมินไว้สมมติฐานของธปท.เรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท.กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าสมมติฐานราคาน้ำมันของธปท.ไว้ โดยธปท.ประเมินราคาน้ำมันดูไบค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีนี้ไว้ที่ 103.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยช่วงครึ่งแรกของปีนี้ที่ระดับ 106.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ครึ่งหลังของปีอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับราคาน้ำมันดูไบในตลาดโลกปรับตัวสูงถึง 122 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 112 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ธปท.ต้องมีการทบทวนสมมติฐานราคาน้ำมันใหม่ ซึ่งปัจจุบันธปท.ประเมินเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐาน 3.2% และ2.2% ตามลำดับ
