“รมว.พลังงาน” แจงความพร้อมแผนความความมั่นคงด้านพลังงาน หากเกิดสงคราม-ปิดช่องแคบฮอร์มุซ สั่งเพิ่มสำรองน้ำมันใช้ในประเทศจากเดิม 55 วัน เป็น 64 วัน หากเกิดความรุนแรงในประเทศอิหร่าน พร้อมหาแหล่งน้ำมันแหล่งอื่นแทน
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการประชุมร่วมกับกลุ่มโรงกลั่น กรณีเกิดสงครามในตะวันออกของช่องแคบฮอร์มุซ โดยยืนยันว่า กระทรวงพลังงาน ได้ออกมาตารการสำรองน้ำมันภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการ และได้ขอความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยกลุ่มโรงกลั่นสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ด้วยการพิจารณาศักยภาพของโรงกลั่น หากเกิดความรุ่นแรงจนนำไปสู่การปิดช่องแคบฮอร์มุซ คาดว่าจะสามารถสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 64 วัน ซึ่งเพียงพอในการพิจารณาหามาตรการเพิ่มเติมหากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย โดยเบื้องต้นคาดว่า จะบังคับใช้มาตรการควบคุมการใช้พลังงานภายในประเทศ อาทิ การกำหนดความเร็วรถ ใช้กฎหมายห้ามการส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ ปรับสัดส่วนคุณภาพของน้ำมัน รวมถึงมีการทำุู่สัญญาร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นอาเซี่ยน หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะสามารถช่วยเหลือกันได้
ด้าน นายสุรงค์ บูลกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการสำรองน้ำมันตามกฎหมายซึ่งจากเดิมกำหนด 55 วัน เป็น 64 วัน ว่า ได้สำรองน้ำมันสำเร็จรูปแล้ว 19 วัน น้ำมันอยู่ระหว่างการน้ำเข้ามาประเทศไทย 13 วัน และน้ำมันสำรองในโรงกลั่นน้ำมันอีก 9 วัน นอกจากนี้ ยังพิจารณาหาแหล่งผลิตน้ำมันอื่นที่ไม่ผ่านช่องแคบ ฮูส เช่น แอฟริกาตะวันตก รัสเซียตะวันออก และประเทศอื่นในตะวันออกกลาง ผ่านเส้นทางผ่านประเทศโอมาน ซาอุดีอาระเบีย และสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมประเมินสถานการณ์ของอิหร่าน ว่า เป็นเรื่องของจิตวิทยา ที่ยังไม่มีความรุนแรง เนื่องจากขณะนี้สหรัฐฯได้ออกประกาศ จะใช้นโยบายทางการทูตเจรจากับอิหร่าน เชื่อว่า จะลดความตึงเครียดได้ในระดับหนึ่ง