โรงกลั่น "ไทยออยล์" คาดอียูคว่ำบาตรอิหร่าน กระทบราคาน้ำมันเพิ่มไม่เกิน 1 บาท/ลิตร เล็งลดการนำเข้าเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง ด้านผู้บริหาร "บางจาก" มองความเป็นไปได้ 3 กรณี แต่สิ่งที่กังวล คือ การกลับมาเก็บภาษีสรรพสามิต และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า กรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศคว่ำบาตรด้านการส่งออกน้ำมันและธนาคารกลางของอิหร่าน คาดว่าในระยะสั้นจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากซัพพลายหายไปจากตลาด ปัจจุบันอิหร่านผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 3-4% ของความต้องการในตลาดโลก
“การที่อิหร่านจะปิดเส้นทางเดินเรือในช่องแคบฮอร์มุซนั้น เป็นไปได้ค่อนข้างน้อย ขณะเดียวกันปัจจัยดังกล่าวก็สะท้อนราคาน้ำมันดิบไปแล้ว ดังนั้นคาดว่าราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นน่าจะอยู่ที่ 110-115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และในระยะยาวอยู่ที่ 105-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล”
ทั้งนี้ กลุ่มไทยออยล์ ก็นำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางเช่นกัน แต่ไทยออยล์มีแผนจะลดการนำเข้าน้ำมันจากแหล่งดังกล่าว โดยจะหันไปนำเข้าน้ำมันดิบจากออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าจะกระทบไม่มาก แต่จะห่วงเรื่องของราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสสูงขึ้นมากกว่า
โดยขณะนี้ ประเทศไทยพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางถึงร้อยละ 90 โดยเฉพาะบิรษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำเข้าสูงถึง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่วนใหญ่มาจากยูเออี โอมาน และซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม หากท่อส่งน้ำมันฮับชาน-ฟูไจราห์ ความยาว 360 กิโลเมตร มีศักยภาพขนถ่ายน้ำมัน 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากแหล่งในอาบูดาบีไปยังอ่าวฟูไจราห์แถบอ่าวโอมาน แล้วเสร็จภายใน 4-5 เดือนนี้ ก็จะทำให้ความเสี่ยงจากการปิดช่องแคบฮอร์มุซหมดไป
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากกรณีที่อิหร่านขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ตนเชื่อว่าโอกาสจะเกิดขึ้นไม่มาก เบื้องต้นได้ประเมินไว้ 3 กรณี คือ กรณีแรก อียูไม่รับซื้อน้ำมันจากอิหร่าน คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับขึ้น 5-7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กรณีสอง หากไม่สามารถขนส่งน้ำมันได้ จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และกรณีที่สาม หากเกิดสงคราม จะกระทบราคาน้ำมันดิบ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีผลต่อราคาน้ำมันดิบเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น เพราะตอนนี้ราคาน้ำมันสูงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวก็สะท้อนราคาน้ำมันไปแล้ว ซึ่งจะมีผลต่อราคาขายปลีกในไทยเพียง 1 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามสิ่งที่บางจากยังกังวลคือการกลับมาเก็บภาษีสรรพสามิต และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น
