xs
xsm
sm
md
lg

อิหร่านร่อนจดหมายตราหน้า “ซีไอเอ” อยู่เบื้องหลังการสังหาร “นักวิทย์นิวเคลียร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี มะห์มูด อาห์มาดิเนจัด แห่งอิหร่าน (แฟ้มภาพ)
เอเจนซี - รัฐบาลอิหร่านเผย มีหลักฐานชัดเจนว่า กรุงวอชิงตันอยู่เบื้องหลังการสังหารนักวิทยาศาสตร์ในโครงการนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด สื่ออิหร่านรายงาน ในขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดอันเนื่องมาจากกิจกรรมนิวเคลียร์ของเตหะรานทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (11) คนร้ายใช้ระเบิดคลื่นแม่เหล็กทำลายรถยนต์ของ มอสตาฟา อาห์มาดี-รอสฮาน นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญระบบแยกก๊าซวัย 32 ปี จนเป็นเหตุให้เจ้าของรถเสียชีวิตพร้อมกับคนขับ ซึ่งนับเป็นเหตุลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์อิหร่านรายที่ 5 ในระยะเวลาเพียง 2 ปี

ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนประธานาธิบดี ชิมอน เปเรส แห่งอิสราเอล ก็ยืนยันว่า อิสราเอลไม่มีบทบาทใดๆในการสังหารครั้งนี้อย่างแน่นอน

“เรามีเอกสารและหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า การก่อการร้ายครั้งนี้เป็นฝีมือการวางแผน, ชี้นำ และสนับสนุนของซีไอเอ” สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่าน อ้างเนื้อความในจดหมายที่กระทรวงการต่างประเทศส่งถึงทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำกรุงเตหะราน ซึ่งเป็นผู้แทนดูแลผลประโยชน์ของสหรัฐฯในประเทศซึ่งวอชิงตันไม่มีสัมพันธ์การทูตด้วย

มัสซูด จาซาเยรี โฆษกกองกำลังทหารร่วมอิหร่าน กล่าวว่า “ศัตรูของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา อังกฤษ และรัฐบาลไซออนิสต์ (อิสราเอล) ต้องรับผิดชอบการกระทำของพวกเขา”

ที่ผ่านมา อิหร่านเคยกล่าวหาอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังความเสียหายหลายครั้งที่เกิดขึ้นกับโครงการนิวเคลียร์ของตน ซึ่งแม้เจ้าหน้าที่อิสราเอลจะหลีกเลี่ยงไม่แสดงความคิดเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่บางครั้งก็แสดงความพึงพอใจที่เห็นอิหร่านล้มเหลว

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่าน ระบุด้วยว่า จดหมายประณามยังถูกส่งถึงรัฐบาลอังกฤษ โดยชี้ว่าการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นหลังจากที่หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ MI6 แถลงปฏิบัติการด้านข่าวกรองเพื่อโจมตีประเทศใดๆ ก็ตามที่ลอบพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

เตหะรานยังเรียกร้องให้ บัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณามการสังหารนักวิทยาศาสตร์ของอิหร่านครั้งล่าสุด

หลังจากความพยายามคว่ำบาตรอิหร่านโดยนานาชาติตลอดหลายปีที่ผ่านมายังไม่เป็นผล ล่าสุดประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ลงนามในมาตรการคว่ำบาตรใหม่เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งหากบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบจะทำให้ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกไม่สามารถจ่ายเงินซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้

วอชิงตันเรียกร้องให้นานาประเทศลดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านลงทีละน้อย โดยจะได้รับการงดเว้นจากมาตรการคว่ำบาตรชั่วคราว ขณะที่สหภาพยุโรปก็คาดว่าจะออกมาตรการกดดันลักษณะเดียวกันในสัปดาห์หน้า

เมื่อถูกกดดันทั้ง 2 ด้านเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าอิหร่านจะไม่สามารถส่งออกน้ำมัน 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อเลี้ยงดูประชากร 74 ล้านคนได้ หรือถ้ามีผู้ยอมซื้อ ก็จะต้องลดราคาลงอย่างมาก ทำให้อิหร่านขาดแคลนรายได้อย่างรุนแรง

ด้านอิหร่านก็ขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสู่อ่าวเปอร์เซีย หากสหรัฐฯและตะวันตกปิดกั้นการค้าน้ำมันของตน ทั้งยังจะตอบโต้ด้วยวิธีการที่ไม่ระบุชัด หากสหรัฐฯยังขืนส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาในช่องแคบดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือนานาชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น