ASTVผู้จัดการรายวัน – “เมเจอร์” ชูกลยุทธ์ ตั้งราคาตั๋วตามหน้าหนัง ฟอร์มใหญ่คาดปรับเพิ่มอีก 20 บาทต่อที่นั่งหรือเฉลี่ย 10% ขณะที่ปีนี้คาดราคาตั๋วปรับเฉลี่ย 3-5% ผนึกเคาน์เตอร์เซอร์วิสเพิ่มช่องทางขายตั๋ว ดันธุรกิจเติบโต 15-20%
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแนวนโยบายที่จะใช้กลยุทธ์ราคาตั๋วหนังตามคุณภาพของหน้าหนังแต่ละเรื่อง ซึ่งหากหนังเรื่องใดไม่ว่าจะเป็นหนังฮอลลีวูด หรือของไทยหรือต่างชาติ เป็นหนังฟอร์มใหญ่ก็จะตั้งราคาตั๋วหนังสูงขึ้นกว่าปรกติ เพราะหนังแต่ละเรื่องมีความแตกต่างกันทางด้านต้นทุนทำให้การตั้งราคาตั๋วก็สมควรที่จะแตกต่างกันด้วย
จากเดิมที่ราคาตั๋วหนังจะเท่ากันในแง่มาตรฐาน แต่จะมีราคาที่แตกต่างกันไปตามแต่ประเภทของโรงหนังเป็นหลัก เช่น โรงดิจิตอล โรงสามมิติ โรงสี่มิติ โรงไอแม็กซ์ เป็นต้น ไม่ใช่พิจารณาจากหน้าหนัง
“โดยเฉลี่ยแล้วเราก็จะมีการปรับราคาตั๋วหนังขึ้นประมาณ 3-5% ทุกปีอยู่แล้ว เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าแรงงาน ค่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าเช่าพื้นที่ที่ปรับสูงขึ้นตามสาขาที่เช่าอยู่ในศูนย์การค้า เป็นต้น ซึ่งแนวทางการปรับราคาตามหน้าหนังนี้ อาจจะมีการปรับขึ้น 20 บาทต่อที่นั่ง หรือ 10% เช่น หนังฟอร์มใหญ่เรื่องนี้ อาจจะคิดราคา 160 บาทต่อที่นั่ง จากหน้าหนังปรกติ 140 บาท เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากเป็นหนังพิเศษเช่น 3มิติจะมีราคาสูงกว่า 2 มิติประมาณ 20% หรือประมาณ 50 บาท และหนัง 4 มิติจะมีราคาตั๋วสูงกว่าที่นั่งปกติประมาณ 1 เท่าตัว ”
สำหรับแผนการลงทุนปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 500 ล้านบาท เพิ่มจำนวนจออีก 50 จอ และจะมีโรงหนังแบบดิจิตอลอีกอย่างน้อย 1 จอ ส่วนในประเทศอินเดียก็จะมีการลงทุนต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาท โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีโรงหนังในไทยครบ 436 จอ จากปัจจุบันมีจำนวน 386 จอ
ทั้งนี้บริษัทฯได้ขยายช่องทางในการขายตั๋วหนังเพิ่มอีก โดยร่วมมือกับทางร้านเคาน์เตอร์เซอร์วิสของเซเว่นอีเลฟเว่นที่ปัจจุบันมีมากกว่า 8,000 จุดแล้ว ในการเป็นพันธมิตรเพื่อขายตั๋วหนังและรับตั๋วหนังได้ทันทีที่ร้านเคาน์เตอร์เซอร์วิส โดยจะจองซื้อตั๋วแบบวันต่อวัน ซึ่งจะเสียค่าธรรมเนียมรวมเพียง 10 บาทในช่วงโปรโมชั่นสามเดือนแรกนี้จากปรกติ 15 บาทต่อการซื้อตั๋วหนัง 1 ครั้ง (รวมไม่เกิน 6 ที่นั่งต่อ 1 ครั้ง) ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าที่มาจากลูกค้าของเคาน์เตอร์เซอร์วิสและเซเว่นฯ ได้อีก 105%
โดยลูกค้าสามารถใช้บริการได้เพียงแค่จองตั๋วหนังผ่านโทรศัพท์มือถือทุกรุ่นทุกระบบผ่าน m.majorcineplex.com และ แอปพลิเคชัน Major Movie บน ไอโฟน แบล็กเบอร์รี แอนดรอยด์ หรือ เบอร์โทรสายตรงของเครือเมเจอร์ฯ ทั้ง 5 แบรนด์ คือ อีจีวี เมเจอร์ พารากอนซีนีเพล็กซ์ เอสพลานาดซีนีเพล็กซ์ และพาราไดซ์ซีนีเพล็กซ์ หรือจองผ่านเว็บไซต์ www.majorcineplex.com หรือเฟซบุ๊ก Majorgroup แล้วนำรหัสการจองไปชำระเงินและรับตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส
นายวิชา กล่าวด้วยว่า จากแผนธุรกิจในปีนี้ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% ขณะที่ปีที่ผ่านมามีรายได้เติบโต 24% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทปิดโรงหนังไปไม่ต่ำกว่า 100 โรง ซึ่งหากไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทจะมีการเติบโตสูงถึง 40%