“กิตติรัตน์” แจงหอการค้าสหรัฐฯ ยืนยันปี 55 น้ำไม่ท่วมซ้ำ ส่งแผนจัดการน้ำสร้างความเชื่อมั่น “พลังงาน” เตรียมเทงบ 2 พันล้าน ช่วยโรงงานโดนน้ำท่วม “ส.อ.ท.” เผยดัชนีความเชื่อมั่นฯ เดือน ธ.ค.54 อยู่ที่ 93.7 ปรับตัวขึ้นได้ครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการประชุมหอการค้าอเมริกา ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล โดยระบุว่า รัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการป้องกันน้ำท่วม มีการวางแผนป้องกันน้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้นในปี 2555 จะไม่มีน้ำท่วมซ้ำเหมือนในปี 2554 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจะจัดส่งแผนดังกล่าวให้กับหอการค้าอเมริกาเพื่อเผยแพร่ให้กับสมาชิก
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า ได้เตรียมงบประมาณจากกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานแก่โรงงานและอาคารที่ประสบอุทกภัย ในเบื้องต้นมีหลักเกณฑ์ให้การสนับสนุนวงเงิน 30% ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แต่จะไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2554 อยู่ที่ระดับ 93.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2554 ที่อยู่ระดับ 87.5 นับว่าเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 4 เดือน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์หลายพื้นที่คลี่คลายและเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมกลับทำงานได้ตามปกติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าภาครัฐควรเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และชะลอการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน รวมทั้งชะลอการปรับขึ้นราคาพลังงานในภาคอุตสาหกรรมออกไปก่อน เพราะจะกระทบต่อราคาสินค้าได้ และควรเร่งสร้างความสมดุลในการบริหารจัดการน้ำทั้งอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯแบ่งตามรายภูมิภาคทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) ภาคตะวันออกล้วนอยู่ในทิศทางที่ดี มีเพียงภาคกลางเท่านั้นที่ความเชื่อมั่นลดลง เพราะยังมีโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งที่ยังไม่สามารถกลับมาผลิตสินค้าได้ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯของภาคอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดต่างประเทศก็หดตัวลง เนื่องจากส่วนใหญ่มีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทำให้ยอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) สินค้าบางรายการลดลง อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอ หัตถอุตสาหกรรม เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 106.3 เพิ่มขึ้นจาก 104.5 โดยคาดว่า ออเดอร์โดยรวม ยอดขาย ปริมาณการผลิต ผลประกอบการและภาวะต้นทุนในการผลิตสินค้าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แม้ว่าผู้ประกอบการจะมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นก็ตาม แต่ความกังวลด้านการเมืองในประเทศ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราแลกเปลี่ยนก็ลดลง
อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมต้องการเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมให้ขยายตัวมากขึ้น และชะลอการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน รวมถึงการปรับขึ้นราคาพลังงานในภาคอุตสาหกรรมเพื่อไม่ให้กระทบต้นทุนต่อการผลิตสินค้า ขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างความสมดุลในการบริหารจัดการน้ำทั้งภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม
“ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าบางประเภทให้ปรับขึ้น เช่น วัสดุก่อสร้าง และสินค้าเกษตรเพราะมีต้นทุนการขนส่งสินค้ามาก แต่เชื่อว่า ยังไม่กระทบราคาขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น แต่ถ้าค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ราคาสินค้าคงต้องปรับขึ้นแน่นอน ส่วนการที่ ส.อ.ท.ต้องการให้ชะลอขั้นค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งที่ภาวะค่าครองชีพประชาชนเพิ่มขึ้นก็เพราะเห็นว่าโดยปกติผู้ประกอบการจะเพิ่มสวัสดิการค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าอาหารกลางวันช่วยค่าครองชีพอยู่แล้ว” นายพยุงศักดิ์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย