ASTVผู้จัดการรายวัน - มิตซูบิชิวางหมากป้องน้ำท่วม มุ่งผลิตซัพพลายสแปร์เอง พร้อมขยายฐานการผลิตกลุ่มมัลติสปิตแอร์ หลังพบกลุ่มแอร์เชิงพาณิชย์เติบโตสูง มั่นใจตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้โตไม่เกิน 5% ล่าสุดทุ่มงบกว่า 80 ล้านบาท จัดกิจกรรมพิเศษฉลองครบ 40 ปีตลอดปี มั่นใจส่งรายได้รวมแตะ 10,000 ล้านบาท
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานกรรมการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ได้วางไว้เพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกครั้ง โดยจะมีการผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เช่น ชิ้นส่วนของระบบการพ่นสี, โครงของมอเตอร์แอร์ เป็นต้น รวมทั้งแผนการหาซัพพลายเชนสำรองไว้มากขึ้น ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศให้มีมากกว่าเดิม เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และสามารถเรียกหาชิ้นส่วนต่างๆได้ทัน หากมีปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นอีกครั้ง
"ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ทางมิตซูบิชิไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากโรงงานอยู่ในย่านบางนา-ตราด และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแต่อย่างใดแต่ในทางอ้อมเราก็โดนกระทบเหมือนกัน เพราะว่าในส่วนของซัพพลายเชนที่ใช้ผลิตเครื่องปรับอากาศ หลายรายได้รบผลกระทบจากน้ำท่วม จึงแก้ไขโดยการสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศแทน รวมถึงด้านการขนส่งที่ล่าช้า ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้เราสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้ เนื่องจากเรามีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะแอร์ ตู้เย็น และปั้มน้ำ ทำให้สูญเสียโอกาสไปเฉลี่ย 20% จากยอดทั้งหมดที่ไม่มีของส่งให้ลูกค้าได้"
อย่างไรก็ตาม ตามแผนด้านการผลิตนั้น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาได้เพิ่มฐานการผลิตในส่วนของ มัลติสปิตแอร์ สำหรับอาคารสูง หรือคอนโดมิเนียม ขนาด 18,000 บีทียู และ 26,000 บีทียู เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการต่อยอดในส่วนของแอร์เชิงพาณิชย์ที่บริษัทหันมาทำตลาดอย่างจริงจังในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และพบว่ายอดขายปี54นั้น ทำได้ถึง 1 แสนเครื่องหรือมีแชร์ที่ 10% ของตลาดแอร์เชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มฐานการผลิตเครื่องเป่ามือขนาดเล็กแบบแขวนผนัง ถือเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังทั่วทวีปเอเชีย รวมถึงที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำกลับมาทำตลาดในประเทศไทย
นายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมรายได้ของปี2554(เม.ย.54-มี.ค.55) มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า 9,500 ล้านบาท เติบโต 10% หรือสูงกว่าเป้าเล็กน้อย โดยเฉพาะใน ม.ค.-มี.ค.นี้ มั่นใจว่าจะรีคัฟเวอร์ยอดขายให้กลับคืนมาได้ หลังจากที่สูญเสียการสร้างรายได้ไปในช่วงน้ำท่วม ขณะที่เม.ย.นี้ ออเดอร์การผลิตสินค้าจะกลับสู่ภาวะปกติ
ขณะที่แผนการทำตลาดในปี2555 บริษัทเตรียมงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้กว่า 80 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมพิเศษฉลองครบ 40 ปีของมิตซูบิชิตลอดปี อาทิ งาน Mitsubishi Electric 40th Anniversary Expo วันที่ 30 มี.ค.-8เม.ย. นี้ ที่ซีคอนสแควร์ โดยมั่นใจว่าภาพรวมรายได้ในปีนี้ อย่างน้อยที่สุดจะเติบโตได้ 5% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และรายได้หลักยังมาจาก 3 กลุ่มสินค้า คือ แอร์บ้าน แอร์เชิงพาณิชย์ และตู้เย็น
โดยมั่นใจว่าในกลุ่มแอร์บ้านขนาดต่ำกว่า 24,000 บีทียู จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 34% จากตลาดรวมที่คาดโต5% หรือมีความต้องการที่ 9.5 แสนเครื่อง ส่วนแอร์เชิงพาณิชย์ คาดมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 12% จากตลาดรวม 107,000 เครื่อง ตู้เย็นหวังส่วนแบ่งที่ 22% จากตลาดรวม 1.28 ล้านเครื่อง เติบโต2% ส่วนปั้มน้ำตั้งเป้าส่วนแบ่ง 61% จากตลาดรวม 3.2 แสนเครื่อง ส่วนพัดลมหวังส่วนแบ่ง25%จากตลาดรวม 3.25 ล้านเครื่อง และพัดลมระบายอากาศ ตั้งเป้ายอดขายโตขึ้น 2% พร้อมรักษาส่วนแบ่งไว้ได้ที่ 47%
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานกรรมการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ได้วางไว้เพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกครั้ง โดยจะมีการผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เช่น ชิ้นส่วนของระบบการพ่นสี, โครงของมอเตอร์แอร์ เป็นต้น รวมทั้งแผนการหาซัพพลายเชนสำรองไว้มากขึ้น ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศให้มีมากกว่าเดิม เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และสามารถเรียกหาชิ้นส่วนต่างๆได้ทัน หากมีปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นอีกครั้ง
"ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ทางมิตซูบิชิไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากโรงงานอยู่ในย่านบางนา-ตราด และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแต่อย่างใดแต่ในทางอ้อมเราก็โดนกระทบเหมือนกัน เพราะว่าในส่วนของซัพพลายเชนที่ใช้ผลิตเครื่องปรับอากาศ หลายรายได้รบผลกระทบจากน้ำท่วม จึงแก้ไขโดยการสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศแทน รวมถึงด้านการขนส่งที่ล่าช้า ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้เราสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้ เนื่องจากเรามีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะแอร์ ตู้เย็น และปั้มน้ำ ทำให้สูญเสียโอกาสไปเฉลี่ย 20% จากยอดทั้งหมดที่ไม่มีของส่งให้ลูกค้าได้"
อย่างไรก็ตาม ตามแผนด้านการผลิตนั้น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาได้เพิ่มฐานการผลิตในส่วนของ มัลติสปิตแอร์ สำหรับอาคารสูง หรือคอนโดมิเนียม ขนาด 18,000 บีทียู และ 26,000 บีทียู เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการต่อยอดในส่วนของแอร์เชิงพาณิชย์ที่บริษัทหันมาทำตลาดอย่างจริงจังในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และพบว่ายอดขายปี54นั้น ทำได้ถึง 1 แสนเครื่องหรือมีแชร์ที่ 10% ของตลาดแอร์เชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มฐานการผลิตเครื่องเป่ามือขนาดเล็กแบบแขวนผนัง ถือเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังทั่วทวีปเอเชีย รวมถึงที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำกลับมาทำตลาดในประเทศไทย
นายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมรายได้ของปี2554(เม.ย.54-มี.ค.55) มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า 9,500 ล้านบาท เติบโต 10% หรือสูงกว่าเป้าเล็กน้อย โดยเฉพาะใน ม.ค.-มี.ค.นี้ มั่นใจว่าจะรีคัฟเวอร์ยอดขายให้กลับคืนมาได้ หลังจากที่สูญเสียการสร้างรายได้ไปในช่วงน้ำท่วม ขณะที่เม.ย.นี้ ออเดอร์การผลิตสินค้าจะกลับสู่ภาวะปกติ
ขณะที่แผนการทำตลาดในปี2555 บริษัทเตรียมงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้กว่า 80 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมพิเศษฉลองครบ 40 ปีของมิตซูบิชิตลอดปี อาทิ งาน Mitsubishi Electric 40th Anniversary Expo วันที่ 30 มี.ค.-8เม.ย. นี้ ที่ซีคอนสแควร์ โดยมั่นใจว่าภาพรวมรายได้ในปีนี้ อย่างน้อยที่สุดจะเติบโตได้ 5% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และรายได้หลักยังมาจาก 3 กลุ่มสินค้า คือ แอร์บ้าน แอร์เชิงพาณิชย์ และตู้เย็น
โดยมั่นใจว่าในกลุ่มแอร์บ้านขนาดต่ำกว่า 24,000 บีทียู จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 34% จากตลาดรวมที่คาดโต5% หรือมีความต้องการที่ 9.5 แสนเครื่อง ส่วนแอร์เชิงพาณิชย์ คาดมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 12% จากตลาดรวม 107,000 เครื่อง ตู้เย็นหวังส่วนแบ่งที่ 22% จากตลาดรวม 1.28 ล้านเครื่อง เติบโต2% ส่วนปั้มน้ำตั้งเป้าส่วนแบ่ง 61% จากตลาดรวม 3.2 แสนเครื่อง ส่วนพัดลมหวังส่วนแบ่ง25%จากตลาดรวม 3.25 ล้านเครื่อง และพัดลมระบายอากาศ ตั้งเป้ายอดขายโตขึ้น 2% พร้อมรักษาส่วนแบ่งไว้ได้ที่ 47%
