“กิตติรัตน์” สั่งเร่งแก้ “จัดสรร” จมน้ำ ลั่นเป้าหมายหลัก ต้องเร่งสูบน้ำออกจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุด โดยฝ่ายเอกชน-ท้องถิ่น-นิติบุคคล รับหน้าที่สูบน้ำออกจากโครงการ ขณะที่ส่วนราชการจะรับช่วงระบายน้ำส่วนนี้ เพื่อให้ลงคลองระบายน้ำต่างๆ และไม่กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้ว่าฯ เมืองนนท์ การันตี 1 ธ.ค.นี้ พลเมืองชั้น 2 กลับเข้าบ้านได้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการหารือร่วมกับสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในหมู่บ้านจัดสรรที่มีกว่า 1 แสนโครงการ จำนวนกว่า 1 ล้านหลัง โดยยอมรับว่า ได้มีการวางแผนเร่งสูบน้ำในหมู่บ้านจัดสรร ทั้งในพื้นที่ฝั่งตะวันออก และตะวันตกของกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงพื้นที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยมีเป้าหมายเร่งสูบน้ำออกจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุด ซึ่งที่ประชุมสรุปว่า ฝ่ายเอกชนจะรับหน้าที่สูบน้ำออกจากหมู่บ้าน ขณะที่ส่วนราชการจะรับช่วงระบายน้ำส่วนนี้ เพื่อให้ลงคลองระบายน้ำต่างๆ โดยไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ รัฐบาลจะทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งผู้ประกอบการบ้านจัดสรร และนิติบุคคลบ้านจัดสรรและอาคารชุด เพื่อช่วยเหลือลูกบ้านสูบน้ำออกจากหมู่บ้าน
โดยกลุ่มแรก จะดำเนินการด้านฝั่งรังสิต องครักษ์ หรือด้านตะวันออกของถนนพหลโยธิน วิภาวดี เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2554 นี้ ซึ่งจะเร่งสูบน้ำออกจากหมู่บ้านต่างๆ ลงไปยังคลองรังสิต และต้องทำงานกันเป็นทอดๆ เนื่องจากบ้านจัดสรรบางแห่งอยู่ลึกต้องสูบออกมาให้ถึงบริเวณถนน หรือคลองย่อย คลองแทรก เพื่อให้ลงไปยังคลองรังสิต อีกต่อหนึ่ง และต้องแน่ใจว่าไม่ไปกระทบกระเทือนผู้อื่นหรือหมู่บ้านอื่น
สำหรับกลุ่มที่ 2 คือ ส่วนที่อยู่ตะวันตกของถนนวิภาวดีรังสิต หรือด้านหมู่บ้านเมืองเอก มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่ง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมประสานงานอยู่ ส่วนนี้จุดสำคัญอยู่ที่คลองรังสิต และประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่จะเชื่อมออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จำนวน 8 เครื่อง ระบายน้ำได้ 24 ลบ.ม.ต่อวินาที อาจจะสามารถเร่งการสูบเพิ่มได้อีก โดยเฉพาะช่วงที่แม่น้ำเจ้าพระยาลดระดับลง ซึ่งการบริหารจัดการเครื่องสูบและประตูระบายน้ำ ต้องประสานงานใกล้ชิดกับทางกรมชลประทานด้วย
ส่วนกลุ่มที่ 3 ฝั่งนนทบุรี บางใหญ่ ได้เร่งประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เพื่อหาทางเร่งเอาน้ำลงแม่น้ำท่าจีน และประสานงานกลุ่มต่างๆ ที่จะผลักดันน้ำออกมาจากพื้นที่ เป้าหมายคือให้น้ำแห้งให้เร็วที่สุด และยังมีพื้นที่ในโซนอื่นอีก เช่น รามอินทรา ซึ่งผู้ประกอบการกำลังรวมทีมกันเพื่อประสานกับฝ่ายที่ดูแลส่วนท้องถิ่นหารือ รับฟังข้อชี้แนะ ให้หมู่บ้านหลายที่อยู่ใกล้เคียงกัน ร่วมมือกันสูบน้ำ โดยรัฐบาลเป็นตัวเชื่อมให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
โดยช่วงบ่ายวานนี้ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายอุดมเดช รัตนเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นนทบุรี นายนิทัศน์ ศรีนนท์ ส.ส.นนทบุรี ลงเรือตรวจดูระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และตามปากคลองต่างๆ ที่เจ้าท่าภูมิภาคที่ 2 สาขานนทบุรี ได้นำเรือมาผลักดันน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 4 คลอง ได้แก่ คลองอ้อม คลองบางบัวทอง คลองพระอุดม และคลองบางกรวย พบน้ำในคลองต่างๆ ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างรวดเร็ว
นายวิเชียร กล่าวว่า จะใช้เรือเร่งดันน้ำจากคลองต่างๆ เพื่อช่วยให้น้ำไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้น โดยคลองอ้อมจะช่วยทำให้น้ำในเขต อ.เมือง ฝั่งตะวันตก อ.บางใหญ่ ลดลงเร็วขึ้น ส่วนคลองบางบัวทอง จะช่วยดึงน้ำจาก อ.บางบัวทอง ปากเกร็ด ฝั่งตะวันตก บางใหญ่ และไทรน้อย ให้ลดลงได้เร็วเช่นกัน และรองรับน้ำจากเครื่องสูบน้ำต่างๆ ที่กำลังกู้พื้นที่ บางบัวทอง บางใหญ่ ที่สูบลงคลองบางบัวทองได้ดีขึ้น จะทำให้น้ำในพื้นที่ลดลงได้เร็ว ส่วนคลองพระอุดม จะช่วยดึงน้ำจาก อ.ปากเกร็ด ฝั่งตะวันตกให้แห้งเร็วขึ้น ซึ่งกรมเจ้าท่าจะเพิ่มเรือดันน้ำอีก เพื่อให้น้ำลดลงเร็วที่สุด
ผวจ.นนทบุรี ยืนยันว่า จังหวัดจะไม่คอยให้น้ำไหลลงเองตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการทำทุกวิธีเพื่อให้น้ำระบายลงเร็วที่สุด และถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ มั่นใจ วันที่ 1 ธันวาคม 2554 ชาวนนทบุรี ได้กลับบ้านตามที่รับปากไว้แน่นอน พร้อมระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นนทบุรี เริ่มดีขึ้นทั้งจังหวัดน้ำลดลงไปกว่า 70-80 เซนติเมตร และลดลงอีกวันละ 3-5 เซนติเมตร
“โดยขณะนี้ ยืนยันว่า เราได้เริ่มกู้พื้นที่ต่างๆ ใน จ.นนทบุรี แล้วหลายแห่งโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ระดมเครื่องสูบน้ำมาให้จำนวน 200 เครื่อง และเครื่องของจังหวัดนนทบุรี และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ อีก หากไม่มีปัจจัยอื่นแทรกซ้อนคาดว่าอีก 3-5 วัน ถนนทุกสายใน จ.นนทบุรี รถจะวิ่งได้ทั้งหมด อาทิ ถนนราชพฤกษ์ ถนนนครอินทร์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนน 340 ถนนรัตนาธิเบศร์”
ส่วนถนนราชพฤกษ์ รถวิ่งได้ถึงถนนกาญจนาภิเษก กำลังกู้ตรงจุดตัดกาญจนาเพื่อให้วิ่งเชื่อมต่อกันได้ ส่วนถนน 345 กำลังกู้เช่นกัน ส่วนถนนที่เชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษก เช่น วัดพระเงิน ซอยกันตนา ถนนคลองถนน ถนนวัดลาดปลาดุก ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ถนนบางกรวยไทรน้อย รถกระบะสูงวิ่งได้แล้ว คาดว่าอีก 3-5 วัน รถปกติจะวิ่งได้ตลอดสาย ส่วนถนนบางกรวยไทรน้อย ช่วงเทศบาลบางบัวทองรถยังวิ่งไม่ได้น้ำท่วม 60 เซนติเมตร
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร นายอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ว่า ล่าสุดสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยระดับน้ำลดลงเฉลี่ยวันละ 3-5 เซนติเมตร เนื่องมาจากการระบายน้ำในพื้นที่ลงคลองสายหลัก ซึ่งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน ทำได้ดีขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่และถนนลดลง ทำให้รถเล็กและรถตู้โดยสารรถประจำทาง เข้ามาให้บริการในพื้นที่มากขึ้น ทำให้ประชาชนในบางพื้นที่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว
ทั้งนี้ นายอำเภอบางใหญ่ กล่าวยอมรับว่า ในซอยต่างๆ น้ำยังคงท่วมสูงอยู่ โดยพื้นที่ต่ำ ระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 60 เซนติเมตร แต่ในหมู่บ้านบางแห่งซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ ระดับน้ำยังคงสูงถึง 1 เมตร นอกจากนี้ หลังจากระดับน้ำในพื้นที่เริ่มลดลง ทำให้เริ่มเห็นความเสียหายของถนนที่ถูกน้ำท่วมบ้างแล้ว
