ก.อุตฯ เรียกขวัญนักลงทุน เตรียมเสนอ คกก. ฟื้นฟูและเยียวยา ศก. หลังน้ำท่วม เพิ่มสิทธิประโยชน์ นิคมฯ ใน จ.อยุธยา 7 แห่ง เพื่อจูงใจ-สร้างความมั่นใจ พร้อมเข็นแผนช่วย รง. นอกนิคมฯ 29 จังหวัด ระบุความเสียหาย 5 นิคมใหญ่ 1,000 รง. กระทบ “จีดีพี” 1% มูลค่ากว่า 2 แสนล้าน ผลิตคอมพิวเตอร์-ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อ่วมหนักสุด
นายสุภาพ คลี่ขจาย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในวันนี้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอมาตรการเยียวยาภาคอุตสาหกรรมในที่ประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูและเยียวยาด้านเศรษฐกิจ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะมีการเสนอในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มมากขึ้นในเขตอยุธยา เพราะมีทั้งหมด 5-7 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นแรงจูงใจ หลังจากนิคมอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง ถูกน้ำท่วมอย่างหนักในขณะนี้
“นักลงทุนจะได้มีความมั่นใจ เพราะขณะนี้นักลงทุนต่างชาติลังเลว่าจะลงทุนในไทยต่อหรือไม่ ส่วนผู้ประกอบการ ผู้ทำนิคมฯ กังวลว่าถ้าจะขายจะมีคนมาซื้อหรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยง”
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2554 (พรุ่งนี้) จะมีมาตรการเยียวยาเฉพาะหน้าในการเดินสายเยี่ยมเยียนหอการค้าญี่ปุ่น บรรดาโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อสำรวจความเดือดร้อนและให้ความช่วยเหลือ และ รมว.อุตสาหกรรมจะเสนอศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเคลื่อนย้ายเครื่องจักร เครื่องมือที่อยู่ภายในโรงงาน ซึ่งที่ประชุมจะมีการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการเตรียมวงเงินกู้ระยะยาว คาดว่าหลายแสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และในส่วนของโรงงานรายย่อยนอกนิคมอุตสาหกรรมใน 29 จังหวัด ก้จะดูว่าจะฟื้นฟูได้อย่างไร
ผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรมกล่าวเสริมว่า ความเสียหายของ 5 นิคมอุตสาหกรรม และอีก 1,000 โรงงาน ขณะนี้กระทบต่ออัตราการขยายตัวต่อเศรษฐกิจไทย (GDP) แล้วกว่า 1% โดยที่กระทบมากที่สุด คือ การผลิตคอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ โดยประเมินจากมูลค่าการลงทุนของภาคการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม ที่ถูกน้ำท่วมอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรมยืนยันว่า รัฐบาลพยายามปกป้องภาคการผลิตอย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งสิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานรัฐบาลได้ทำลงไปนั้นถือว่าได้ทำอย่าเงต็มที่แล้ว เพื่อปกป้องและดูแลฐานการผลิต