xs
xsm
sm
md
lg

“พิชัย” เปิดแผนคลังสำรองน้ำมันประเทศ เล็งใช้ ปตท. ลุยลงทุนเพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิชัย นริพทะพันธุ์
“พิชัย” เปิดแผนลงทุนโครงการก่อสร้างคลังสำรองน้ำมันประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบตลาดโลก คาดสิ้นปีได้ข้อสรุปแน่ แย้มใช้กลุ่ม ปตท. เป็นหัวหอกลุยลงทุนแหล่งพลังงานเพื่อบ้าน พร้อมเดินหน้า “แลนด์บริดจ์” สร้างความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว ด้านนักวิชาการ แนะเหลือแก๊สโซฮอล์ อี20 เพียงเกรดเดียว อัดรัฐบาลอ้างยังไม่พร้อม เพราะมีวาระซ่อนเร้น

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกะทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุนสร้างคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะช่วงวิกฤตราคาน้ำมันแพง เนื่องจากมองว่าอนาคตราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตมีน้อยลง คาดว่าจะได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้

“การมีคลังสำรองน้ำมันจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนจากราคาตลาดโลกได้ แต่ปริมาณและการลงทุนจะเป็นอย่างไรต้องรอผลสรุปก่อน ขณะเดียวกันจะใช้บทบาทของ ปตท. ผ่านบริษัทลูกอย่าง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ไปลงทุนในแหล่งผลิตปิโตรเลียมต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยง”

นายพิชัย กล่าวเสริมว่า การสร้างคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เป็นเพียงการดำเนินการระยะสั้น แต่สำรองน้ำมันในระยะยาวเพื่อความมั่นคงรัฐบาลเพื่อไทยจะมุ่งไปลงทุนในโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน (แลนด์บริดจ์) ที่ภาคใต้ ที่จะมีการลงทุนระบบคลังและท่อเชื่อมโยงการขนถ่ายเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านพลังงานในภูมิภาค

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การสร้างคลังสำรองทางยุทธศาสตร์โดยรัฐจะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง เพราะนอกจากจะลงทุนคลังแล้วยังต้องลงทุนซื้อน้ำมันมาเก็บไว้และไม่รู้จะได้ใช้เมื่อไหร่ ทำให้เป็นภาระทางด้านการเงิน ดังนั้น รูปแบบที่เหมาะสมควรให้เอกชนลงทุนเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันตามกฎหมายที่กำหนดไว้ 36 วัน และรัฐจะต้องอุดหนุนเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำในการขยายคลัง ส่วนเนื้อน้ำมันนั้นรัฐเป็นผู้จ่ายมาเก็บไว้

นายปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและพลังงานทางเลือก เปิดเผย ว่าในอนาคตภาครัฐควรกำหนดให้เหลือน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงกลุ่มเดียวคือแก็สโซฮอล์ อี20 และอาจจะผลิตแก๊สโซฮอล์ อี85 เล็กน้อย เพื่อรองรับรถบางกลุ่มที่ไม่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ อี20 ได้ เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ อี20 นั้น มีความเป็นกลางและจะไม่กระทบกับพืชอาหารที่นำมาผลิตเป็นเอทานอล การที่ภาครัฐอ้างว่าไม่พร้อมเพราะมีวาระซ่อนเร้น

นายชวลิต พิชาลัย รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า การที่จะให้มีแก๊สโซฮอล์ อี20 เพียงอย่างเดียวนั้น จะต้องยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ก่อน รวมทั้งดูความพร้อมทั้งในเรื่องของโรงกลั่นน้ำมันด้วย เพราะถ้ายกเลิกขายเบนซิน 91 น้ำมันเบนซินที่กลั่นเหลือก็จะต้องส่งออกแทน นอกจากนี้ยังต้องดูกำลังการผลิตเอทานอลด้วย ซึ่งจะต้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันที่ใช้อยู่ 1.3 ล้านลิตรต่อวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น