ผู้ประกอบการยอมตรึงราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่ กก.ละ 79 บาท ไปจนถึงหลังเทศกาล “สารทจีน” ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ยันต้นเหตุหมูแพง เกิดจากโรคระบาดทำอุปทานหายจากตลาด 20-30% พร้อมขอความร่วมมือห้างค้าปลีก ขาดหมูชำแหละ กก.ละ 120 บาท “เจ๊วา” ฝากรัฐบาลใหม่ช่วยดูแล
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกร สมาคมชำแหละ และตลาดสดต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ราคาสุกรที่ปรับขึ้นขณะนี้ว่า ทุกฝ่ายอยากให้ประชาชนเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ปริมาณสุกรลดลงหายไปจากตลาดประมาณร้อยละ 20-30 มาจากปัญหาโรคระบาด ทำให้ปริมาณหมูที่ออกสู่ตลาดโดยปกติอยู่ที่ 38,000 ตัวต่อวัน เหลือเพียง 32,000-33,000 ตัวต่อวัน แม้แม่พันธุ์ยังอยู่ครบ แต่ลูกสุกรมีปริมาณลดลงจริง
ทั้งนี้ หากไม่หามาตรการดูแลและขอความร่วมมือ เกรงว่า ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเข้าสู่เทศกาลสารทจีน ราคาก็จะปรับขึ้นมากกว่านี้หลายฝ่ายเห็นตรงกัน โดยเฉพาะภาคเอกชนจะให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ตรึงราคาสุกรเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 79 บาท
ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะบวกอีก 4 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนภาคใต้บวก 6 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เนื้อสุกรเขียงในตลาดสดในส่วนของภาคกลางเฉลี่ยจะอยู่ที่ 140-150 บาทต่อกิโลกรัม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 155 บาทต่อกิโลกรัม ภาคใต้ 160 บาทต่อกิโลกรัม โดยภาคเอกชนจะตรึงราคาหลังช่วงเทศกาลสารทจีนไปแล้ว นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีก อาทิ โลตัส ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เกต บิ๊กซี และ แม็คโคร จำหน่ายเนื้อหมูในราคาไม่เกิน 120 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมเชื่อว่า หลังจากนี้ รัฐบาลใหม่จะเข้ามาดำเนินการในการแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ อยากฝากรัฐบาลใหม่เข้ามาดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการและดูแลภาคธุรกิจสุกรทั้งระบบ เพราะที่ผ่านมายอมรับว่าผู้ประกอบการได้รับผลกระทบหลายด้านอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นว่ารัฐบาลใหม่ควรเข้าไปชดเชยหรือประกันราคาเหมือนสินค้าภาคการเกษตรให้กับกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรทั้งระบบ