“บิ๊กไฝ” แนะ รบ.ดีเดย์กองทุนน้ำมันฯ ลุยโครงสร้างราคาและเชื้อเพลิง

“บิ๊กไฝ” ปตท.ชี้ นโยบายยกเลิกเก็บเงินชั่วคราวเข้ากองทุนน้ำมันฯ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงทันที พร้อมแนะรัฐบาลใหม่ เมื่อเข้ามาแล้วจะมีการปรับโครงสร้างราคาและเชื้อเพลิงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายการยกเลิกการเก็บเงินชั่วคราวเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันเบนซิน 91 เบนซิน 95 และน้ำมันดีเซล จะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงในทันที ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นที่ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันสนับสนุนอยู่ คาดว่า รัฐบาลคงจะต้องอุดหนุนต่อไป นอกจากนี้ รัฐบาลใหม่เมื่อเข้ามาแล้วจะมีการปรับโครงสร้างราคาและเชื้อเพลิงใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ส่วนนโยบายในการสนับสนุนพลังงานทดแทนระยะสั้น ของพรรคเพื่อไทย เป็นนโยบายที่ชัดเจน สำหรับนโยบายดังกล่าวในการอุดหนุนไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอล์ ควรจะมีการอุดหนุนต่อไป สำหรับนโยบายระยะยาวในการสนับสนุนพลังงานทดแทนยังคงเป็นไปตามแผนเดิม เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยประกาศทิศทางการสนับสนุนการส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานทดแทนในประเทศที่ชัดเจน เชื่อว่าแผนพลังงานทดแทนของประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปได้

นายประเสริฐ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีท่อก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยรั่ว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2554 โดยระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับท่อก๊าซ และการซ่อมแซม ผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต้องรับผิดชอบ โดยมีการประกันความเสียหายไว้กับบริษัทประกันภัยแล้ว ทั้งนี้ จะเร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม พร้อมยืนยันว่า ปริมาณก๊าซที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าจะไม่ขาดแคลน เนื่องจาก ปตท.ได้จัดหาพลังงานชนิดอื่นๆ เข้ามาทดแทน เช่น น้ำมันเตาและก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจี

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ เรกูเลเตอร์ ได้มีการย้ำชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าครั้งนี้ให้กับประชาชนเป็นผู้รับผิดชอบ โดยได้มีการเรียกเก็บค่าเสียหายจากผู้ที่ก่อให้เกิดปัญหาทั้งหมด ซึ่งรวม ปตท.ด้วยที่ไม่สามารถจัดส่งก๊าซธรรมชาติป้อนเข้าโรงไฟฟ้าได้ทันตามกำหนด เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ ส่วนการดำเนินการกับบริษัทผู้รับเหมานั้นคงต้องมีการหารืออีกครั้งเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ คาดเหตุการณ์ที่เกิดจากก๊าซรั่วจะส่งกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2554 เล็กน้อยประมาณกว่าพันล้านบาท แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะเมื่อนำผลการดำเนินงานประเภทอื่นๆ ของ ปตท.มาเฉลี่ยแล้ว พบว่า ผลประกอบการยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ที่มีการทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 6 เดือน