สมาคมฯต้านโลกร้อน เตือน ปตท.อย่าซี้ซั้วอ้างว่า ไม่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมกรณีท่อก๊าซรั่ว ทั้งที่ความจริงมีก๊าซมีสารพิษต่างๆ มากมายที่มีผลกระทบต่อความเป็นกรดของน้ำทะเล และกระทบต่อสภาวะโลกร้อน ตั้งเป้ารวบรวมข้อมูลให้ศาลปกครองพิจารณา
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผย กรณีท่อก๊าซของ ปตท.รั่วไหลจากแหล่งปลาทองในทะเลอ่าวไทย เมื่อเย็นวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า แปลกใจที่หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องออกมาให้ข้อมูลด้านเดียว ว่า ผลที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเลยได้อย่างไร ทั้งๆ ที่วิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ท่อก๊าซรั่วในทะเล แต่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก เพียงแต่ไม่ค่อยเป็นข่าวเท่านั้น ล่าสุด เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็เคยเกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่า มาตรฐานของท่อก๊าซ ปตท.มีปัญหาแล้วแน่นอน แต่บริษัทผู้ประกอบการและหน่วยงานของรัฐไทยกลับพยายามออกมาปกป้องความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไม่รับผิดชอบต่อประเด็นทางสิ่งแวดล้อมที่จะตามมามากมาย โดยเฉพาะการให้ข่าวว่ากรณีก๊าซรั่วจะไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งที่จริงจะมีผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมาหลายด้าน แสดงให้เห็นถึงความพยายามบิดเบือนข้อมูล และปกปิดความจริงที่ควรแจ้งให้ประชาชนและชาวประมงทราบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพลังงาน ปตท. กฟผ.และผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานบางคน
ทั้งนี้ ความจริงก็คือ ก๊าซธรรมชาติมีสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ในรูปก๊าซพิษหลายชนิด เช่น ก๊าซมีเทน (CH4) อีเทน (C2H6) โพรเพน (C3H8) บิวเทน (C4H10) เพนเทน (C5H12) เฮกเซน (C6H14) ฯลฯ แต่โดยทั่วไปจะมีก๊าซมีเทนเป็นส่วนใหญ่ ประมาณร้อยละ 75 ขึ้นไป นอกจากสารไฮโดรคาร์บอนแล้ว ก๊าซธรรมชาติยังอาจประกอบด้วยก๊าซอื่นๆ อาทิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ไนโตรเจน (N2) และน้ำ เป็นต้น สารประกอบเหล่านี้สามารถแยกออกจากกันได้ โดยนำมาผ่านกระบวนการแยกที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติซึ่งประเทศไทยมี 2 โรงที่สำคัญ คือ โรงแยกที่มาบตาพุด และที่ขนอม ที่สำคัญก๊าซเหล่านี้เป็นก๊าซพิษที่ส่งผลต่อปัญหาสภาวะโลกร้อนในลำดับต้นๆ และมีช่วงอายุกว่าจะสลายต้องใช้เวลานับร้อยปีเลยทีเดียว และเมื่ออยู่ในน้ำทะเลจะทำปฏิกิริยากับน้ำทะเล ทำให้เพิ่มความเป็นกรด (acid) ให้กับน้ำทะเลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อจุลชีพ แพลงก์ตอนพืชและสัตว์ต่างๆ ในทะเล ซึ่งเป็นฐานของห่วงโซ่อาหาร (Food chains) ที่สำคัญของคนในอนาคตด้วย
นอกจากนั้น การที่โรงไฟฟ้าเมื่อไม่มีก๊าซธรรมชาติมาป้อนโรงผลิตกระแสไฟฟ้าต้องหันไปใช้น้ำมันเตา ก็จะยิ่งก่อให้เกิดมลพิษ หรือก๊าซพิษต่างๆ ออกมามากมาย ทั้งสารไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนไดออกไซด์ ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นมลพิษที่เป็นก๊าซต้นเหตุหลักของปัญหาโลกร้อนทั้งสิ้น แบบนี้จะอ้างว่าไม่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร คนที่ออกมาให้สัมภาษณ์ให้ข้อมูลเอาอะไรคิด
“กรณีที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นเรื่องที่มิอาจล่วงรู้ก่อนล่วงหน้าได้ แต่ ปตท.ก็ต้องมีการตรวจสอบและทบทวนมาตรการการตรวจสอบคุณภาพท่อก๊าซของตนเองอยู่เสมอด้วย รวมทั้งหน่วยงานรัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าได้ออกมาซี้ซั้วให้ข้อมูลด้านเดียวว่าจะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งที่ความจริงมันมีอยู่ และท้องทะเลไทยก็ถูกขุดถูกเจาะปู้ยี่ปู้ยำเพื่อสร้างผลประโยชน์และกำไรให้กับคนพวกนี้บนฐานความเสียหายของทรัพยากรของชาติมาอย่างเนิ่นนานแล้วด้วย เรื่องดังกล่าวสมาคมฯ จะรวบรวมจัดส่งให้ศาลปกครองใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาในคดีที่สมาคมฯร่วมกับชาวเกาะสมุย เกาะพะงันและเกาะเต่า ฟ้องเพิกถอนแท่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางอ่าวไทยทั้งหมดต่อศาลปกครองกลางด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด