หุ้นไทยร่วง 12 จุด นักลงทุนกังวลการปัญหาหนี้กรีซลุกลามจนแก้ไขไม่ได้ หนำซ้ำเข้าช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งในประเทศ จึงไม่กล้าเข้าลงทุน อีกทั้งข่าวลบจากท่อก๊าซรั่วของปตท.ช่วยซ้ำเติม จน PTTถูกเทขายหนัก ฉุดต่างชาติเทขายสุทธิอีก 2.2 พันล้านบาท โบรกประเมินวันนี้มีโอกาสรีบาวน์เล็กน้อย
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27มิ.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,010.32 จุด ลดลง 12.62 จุด หรือ -1.23% มูลค่าการซื้อขาย 18,295.64 ล้านบาท โดยตลอดทั้งวันของการซื้อขายดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบ ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งคาดว่า น่าจะมีสาเหตุมาจากความกังวลต่อปัญหาของกรีซ และใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งในประเทศ ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,016.11 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,008.10 จุด โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 79 หลักทรัพย์ ลดลง 348 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 118 หลักทรัพย์
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,224.71 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนทั่วไป สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,745.37 ล้านบาท, 158.17 ล้านบาท และ 321.17 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก คือ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,189.42 ล้านบาท ปิดที่ 324.00 บาท ลดลง 10.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,168.30 ล้านบาท ปิดที่ 696.00 บาท ลดลง 4.00 บาท MALEE มูลค่าการซื้อขาย 991.15 ล้านบาท ปิดที่ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 847.46 ล้านบาท ปิดที่ 115.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท และSCB มูลค่าการซื้อขาย 799.12 ล้านบาท ปิดที่ 104.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
ด้านความเคลื่อนไหสตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลง 32.67 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 8,500.16 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบเกือบสามเดือน , ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรับตัวลง 46.30 จุด หรือ 1% ปิดที่ 4,461.8 จุด , ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดร่ว100.40 จุด หรือ 1.04% แตะที่ 9,578.31 จุด , ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 20.52 จุด หรือ 0.98% ที่ระดับ 2,070.29 จุด , ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบ 130.18 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 22,041.77 จุด
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส บล.พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวผันผวนในแดนลบ ท่ามกลางแรงกดดันทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในต่างประเทศปรับลดลง โดยเฉพาะดาวโจนส์ อีกทั้งราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลงอยู่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งตลาดหุ้นไทยปรับลดลงตาม ซึ่งในตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยเสริมกดดันตลาด ทั้งในเรื่องการเมืองที่หลายคนกังวล จนกว่าการเลือกตั้งเสร็จสิ้น รวมทั้งการรั่วของก๊าซ ปตท.ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง
ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเมือง เวลานี้ถือว่ามีผลต่อตลาด เพราะหากพิจารณาจะเห็นว่าการซื้อขายเบาบางมาก นักลงทุนรอดูความชัดเจนหลังการเลือกตั้งว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามก็มองว่าในช่วงนี้ก็เป็นจังหวะที่สามารถซื้อเก็งกำไร หากดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่หลุด 1,000 จุด และหากสถานการณ์การเมืองไม่มีอะไรก็จะส่งผลให้ดัชนีปรับขึ้นทันที โดยมองแนวรับที่ 1,007 และ 1,013 จุด แนวต้าน 1,021 และ 1,029 จุด
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดโดยรวมอยู่ในขณะนี้ และเรายังมีปัจจัยทางการเมืองอีก ตอนนี้มีนักลงทุนประเภทกองทุนเริ่มที่จะลดน้ำหนักหุ้นในกลุ่มพลังงาน และหันไปลงทุนในกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก ซึ่งยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก็หุ้นที่ต่ำกว่าบุ๊คก็มีอีกหลายบริษัทที่เลือกได้” นายวิกิจ กล่าว
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ รักษาการผู้บริหารสายงาน วิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นในช่วงบ่ายอยู่ในแดนลบจากการเทขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดย บมจ.ปตท. (PTT) นำ โดยการลดลงกว่า 50% มาจาก PTT จากการรั่วของท่อก๊าซเส้นที่ 1 กดดันในเชิง Sentiment และทำให้หุ้นอื่นปรับลงตาม ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงแรง
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ ที่รัฐบาลกรีซอาจไม่ผ่านมาตรการรัดเข็มขัดทันในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการก่อให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลต่อตลาดหุ้นต่างประเทศปรับลดลง แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวถือเป็นปัจจัยกดดันทางอ้อมต่อตลาดหุ้นไทย ส่วนประเด็นการเมืองไม่น่าจะมีนัยต่อตลาดหุ้นไทย เพราะเรื่องดังกล่าวมีการรับรูไปแล้ว แต่ก็เป็นสิ่งที่ติดตาม
อย่างไรก็ตาม มองว่า ตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ มีโอกาสฟื้นตัวในแดนบวก จากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นก่อนการเลือกตั้ง และเก็งกำไรงบในไตรมาส 2/54 ที่จะทยอยประกาศออกมา แม้จะมองว่าผลจะออกมาน้อยกว่างบในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาก็ตามเพราะในไตรมาส 1 ดีกว่าคาดมาก โดยยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะส่วนใหญ่มีพื้นฐานที่ดีเพียงแต่ตอนนี้ขาดแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (28 มิ.ย.) ตลาดหุ้นไทยคงจะอ่อนตัวลงต่อเล็กน้อยในช่วงเช้า หลังจากนั้นจะเห็นการเริ่มรีบาวน์ขึ้นได้บ้าง จากการเข้าเก็งกำไร พร้อมให้แนวรับไว้ใน 1,005-1,000 จุด ส่วนแนวต้าน 1,020-1,025 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27มิ.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,010.32 จุด ลดลง 12.62 จุด หรือ -1.23% มูลค่าการซื้อขาย 18,295.64 ล้านบาท โดยตลอดทั้งวันของการซื้อขายดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบ ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งคาดว่า น่าจะมีสาเหตุมาจากความกังวลต่อปัญหาของกรีซ และใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งในประเทศ ระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,016.11 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,008.10 จุด โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 79 หลักทรัพย์ ลดลง 348 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 118 หลักทรัพย์
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,224.71 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนทั่วไป สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,745.37 ล้านบาท, 158.17 ล้านบาท และ 321.17 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก คือ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,189.42 ล้านบาท ปิดที่ 324.00 บาท ลดลง 10.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,168.30 ล้านบาท ปิดที่ 696.00 บาท ลดลง 4.00 บาท MALEE มูลค่าการซื้อขาย 991.15 ล้านบาท ปิดที่ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 847.46 ล้านบาท ปิดที่ 115.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท และSCB มูลค่าการซื้อขาย 799.12 ล้านบาท ปิดที่ 104.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
ด้านความเคลื่อนไหสตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลง 32.67 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 8,500.16 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบเกือบสามเดือน , ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรับตัวลง 46.30 จุด หรือ 1% ปิดที่ 4,461.8 จุด , ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดร่ว100.40 จุด หรือ 1.04% แตะที่ 9,578.31 จุด , ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 20.52 จุด หรือ 0.98% ที่ระดับ 2,070.29 จุด , ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบ 130.18 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 22,041.77 จุด
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส บล.พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวผันผวนในแดนลบ ท่ามกลางแรงกดดันทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในต่างประเทศปรับลดลง โดยเฉพาะดาวโจนส์ อีกทั้งราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลงอยู่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งตลาดหุ้นไทยปรับลดลงตาม ซึ่งในตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยเสริมกดดันตลาด ทั้งในเรื่องการเมืองที่หลายคนกังวล จนกว่าการเลือกตั้งเสร็จสิ้น รวมทั้งการรั่วของก๊าซ ปตท.ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับลดลง
ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการเมือง เวลานี้ถือว่ามีผลต่อตลาด เพราะหากพิจารณาจะเห็นว่าการซื้อขายเบาบางมาก นักลงทุนรอดูความชัดเจนหลังการเลือกตั้งว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามก็มองว่าในช่วงนี้ก็เป็นจังหวะที่สามารถซื้อเก็งกำไร หากดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่หลุด 1,000 จุด และหากสถานการณ์การเมืองไม่มีอะไรก็จะส่งผลให้ดัชนีปรับขึ้นทันที โดยมองแนวรับที่ 1,007 และ 1,013 จุด แนวต้าน 1,021 และ 1,029 จุด
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดโดยรวมอยู่ในขณะนี้ และเรายังมีปัจจัยทางการเมืองอีก ตอนนี้มีนักลงทุนประเภทกองทุนเริ่มที่จะลดน้ำหนักหุ้นในกลุ่มพลังงาน และหันไปลงทุนในกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก ซึ่งยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก็หุ้นที่ต่ำกว่าบุ๊คก็มีอีกหลายบริษัทที่เลือกได้” นายวิกิจ กล่าว
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ รักษาการผู้บริหารสายงาน วิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นในช่วงบ่ายอยู่ในแดนลบจากการเทขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดย บมจ.ปตท. (PTT) นำ โดยการลดลงกว่า 50% มาจาก PTT จากการรั่วของท่อก๊าซเส้นที่ 1 กดดันในเชิง Sentiment และทำให้หุ้นอื่นปรับลงตาม ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงแรง
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ ที่รัฐบาลกรีซอาจไม่ผ่านมาตรการรัดเข็มขัดทันในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการก่อให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ส่งผลต่อตลาดหุ้นต่างประเทศปรับลดลง แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวถือเป็นปัจจัยกดดันทางอ้อมต่อตลาดหุ้นไทย ส่วนประเด็นการเมืองไม่น่าจะมีนัยต่อตลาดหุ้นไทย เพราะเรื่องดังกล่าวมีการรับรูไปแล้ว แต่ก็เป็นสิ่งที่ติดตาม
อย่างไรก็ตาม มองว่า ตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ มีโอกาสฟื้นตัวในแดนบวก จากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นก่อนการเลือกตั้ง และเก็งกำไรงบในไตรมาส 2/54 ที่จะทยอยประกาศออกมา แม้จะมองว่าผลจะออกมาน้อยกว่างบในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาก็ตามเพราะในไตรมาส 1 ดีกว่าคาดมาก โดยยังคงแนะนำลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะส่วนใหญ่มีพื้นฐานที่ดีเพียงแต่ตอนนี้ขาดแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (28 มิ.ย.) ตลาดหุ้นไทยคงจะอ่อนตัวลงต่อเล็กน้อยในช่วงเช้า หลังจากนั้นจะเห็นการเริ่มรีบาวน์ขึ้นได้บ้าง จากการเข้าเก็งกำไร พร้อมให้แนวรับไว้ใน 1,005-1,000 จุด ส่วนแนวต้าน 1,020-1,025 จุด