ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยพุ่ง 14 จุด แต่วอลุ่มซื้อขายเบาบาง ต่างชาติซื้อสุทธิ 436 ล้านบาท แรงซื้อในหลุ่มพลังงาน - แบงก์หนุนดัชนี คาดปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับต่างหุ้นในต่างประเทศ เหตุนักลงทุนคลาดความกังวลปัญหาหนี้สาธารณะในกรีซ โบรกฯแนะนำติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะดัชนีผันผวน พร้อมปรับตัวขึ้นลงได้ตามข่าว
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21มิ.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,027.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.63 จุด หรือ 1.44% มูลค่าการซื้อขาย 22,247.61 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,029.18 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,015.53 จุด โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนีในครั้งนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ ที่เริ่มผลคลายความกังวลจากวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซ และมีแรงซื้อขายมาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และ ธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 436.46 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่มีการซื้อสุทธิ 160.36 ล้านบาท และ 272.59 ล้านบาท ตามลำดับ โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 869.42 ล้านบาท หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 285 หลักทรัพย์ ลดลง 121 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 143 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์แรก ได้แก่ PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,865.62 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,702.72 ล้านบาท ปิดที่ 334.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,389.29 ล้านบาท ปิดที่ 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,050.30 ล้านบาท ปิดที่ 116.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท และ TOP มูลค่าการซื้อขาย 992.44 ล้านบาท ปิดที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ในการซื้อขายช่วงเช้าวอลุ่มเทรดยังบางอยู่ แม้ดัชนีฯจะสามารถขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,020 จุดได้ จากแรงซื้อที่พึ่งจะเข้ามาเมื่อช่วงใกล้เที่ยงวัน โดยเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มพลังงานเป็นหลัก
โดยประเมินว่า ดัชนีตอบรับข่าวเชิงบวกเรื่องพัฒนาการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปออกมาส่งสัญญาณทั้งเรื่องการขยายวงเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพ และสถาบันการเงินในยุโรป รวมถึงเรื่องที่ไม่บังคับให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือกรีซ แต่แผนความช่วยเหลือทางการเงินระลอกใหม่ยังไม่มีรายละเอียดออกมา ซึ่งตลาดฯตีความในเชิงบวกจะสังเกตุว่าตลาดหุ้นในแถบเอเชียทั้งหมดแกว่งตัวในแดนบวก
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องติดตามเรื่องของกรีซจะมีพัฒนาการเชิงบวกเข้ามาหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เสี่ยงต่อการถูกแรงขายทำกำไรแล้วถอยกลับลงมาอีก เพราะดูแล้วอลุ่มเบาบางเช่นนี้ไม่น่าจะยืนได้นานนัก โดยให้มองแนว 1,020 จุด ถ้าทะลุได้ pattern ก็จะดูดีขึ้น ถ้าถอยลงมาอีกก็มี 1,015 จุด ส่วนแนวต้านก็ให้ไว้ที่ 1,025-1,030 จุด
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบิ๊กแคป ทั้งพลังงานและธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายยังไม่มากนัก เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆที่แท้จริงเข้ามา เป็นเพียงแค่การเข้ามาซื้อหลังราคาหุ้นปรับตัวลงไปก่อนหน้านี้
สำหรับ ปัญหาหนี้กรีซ แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องแผนการช่วยเหลือ แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วกรีซก็คงได้รับการช่วยเหลือทางการเงินอย่างแน่นอน ซึ่งจะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐสภากรีซจะอนุมัติการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเมื่อใด ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 มิ.ย.) ประเมินว่า ดัชนีคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยต้องรอติดตามเรื่องการลงมติไว้วางใจรัฐบาลกรีซในวันนี้ก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,015 จุด แนวต้าน 1,036 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21มิ.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,027.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.63 จุด หรือ 1.44% มูลค่าการซื้อขาย 22,247.61 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,029.18 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,015.53 จุด โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนีในครั้งนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ ที่เริ่มผลคลายความกังวลจากวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซ และมีแรงซื้อขายมาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และ ธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 436.46 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่มีการซื้อสุทธิ 160.36 ล้านบาท และ 272.59 ล้านบาท ตามลำดับ โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 869.42 ล้านบาท หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 285 หลักทรัพย์ ลดลง 121 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 143 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์แรก ได้แก่ PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,865.62 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,702.72 ล้านบาท ปิดที่ 334.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,389.29 ล้านบาท ปิดที่ 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,050.30 ล้านบาท ปิดที่ 116.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท และ TOP มูลค่าการซื้อขาย 992.44 ล้านบาท ปิดที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ในการซื้อขายช่วงเช้าวอลุ่มเทรดยังบางอยู่ แม้ดัชนีฯจะสามารถขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,020 จุดได้ จากแรงซื้อที่พึ่งจะเข้ามาเมื่อช่วงใกล้เที่ยงวัน โดยเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มพลังงานเป็นหลัก
โดยประเมินว่า ดัชนีตอบรับข่าวเชิงบวกเรื่องพัฒนาการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปออกมาส่งสัญญาณทั้งเรื่องการขยายวงเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพ และสถาบันการเงินในยุโรป รวมถึงเรื่องที่ไม่บังคับให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือกรีซ แต่แผนความช่วยเหลือทางการเงินระลอกใหม่ยังไม่มีรายละเอียดออกมา ซึ่งตลาดฯตีความในเชิงบวกจะสังเกตุว่าตลาดหุ้นในแถบเอเชียทั้งหมดแกว่งตัวในแดนบวก
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องติดตามเรื่องของกรีซจะมีพัฒนาการเชิงบวกเข้ามาหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เสี่ยงต่อการถูกแรงขายทำกำไรแล้วถอยกลับลงมาอีก เพราะดูแล้วอลุ่มเบาบางเช่นนี้ไม่น่าจะยืนได้นานนัก โดยให้มองแนว 1,020 จุด ถ้าทะลุได้ pattern ก็จะดูดีขึ้น ถ้าถอยลงมาอีกก็มี 1,015 จุด ส่วนแนวต้านก็ให้ไว้ที่ 1,025-1,030 จุด
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบิ๊กแคป ทั้งพลังงานและธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายยังไม่มากนัก เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆที่แท้จริงเข้ามา เป็นเพียงแค่การเข้ามาซื้อหลังราคาหุ้นปรับตัวลงไปก่อนหน้านี้
สำหรับ ปัญหาหนี้กรีซ แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องแผนการช่วยเหลือ แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วกรีซก็คงได้รับการช่วยเหลือทางการเงินอย่างแน่นอน ซึ่งจะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐสภากรีซจะอนุมัติการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเมื่อใด ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 มิ.ย.) ประเมินว่า ดัชนีคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยต้องรอติดตามเรื่องการลงมติไว้วางใจรัฐบาลกรีซในวันนี้ก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,015 จุด แนวต้าน 1,036 จุด