บล.ธนชาต เผย ปีนี้ รุกลูกค้าสถาบันต่างประเทศ เน้นเจาะ กองทุนแคนาดา หวังใช้ความสัมพันธ์ผู้ถือหุ้นใญ่ “โนวาสโกเทีย” คาด 3 ปี สัดส่วนต่างชาติกลับมาอยู่ระดับเดิม 20% จากปัจจุบันเหลือเพียง 5% หลังหมดสัญญากับ บีเอ็นพี พารีบาส์ ส่งผล 2 เดือนแรก แชร์หดเหลือ 3.8% จากฝรั่งมีสัดส่วนการลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น “อัศวินี” ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ปีนี้ 5% เน้นให้บริการที่ดีกับลูกค้าดึงดูดลูกค้า
นางอัศวินี ไตลังคะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของบริษัทในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.8% จากสิ้นปีก่อนที่4.5% เนื่องจาก นักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเป็น 25%ของมูลค่าซื้อขายรวม และจากการที่บริษัทหมดสัญญากับทางบริษัทหลักทรัพย์ บีเอ็นพี พารีบาส์ ในการส่งคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศให้กับทางบล.ธนชาต ทำให้สัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศของบริษัทลดลงเหลือเพียง 5% จากที่ผ่านมาอยู่ที่ 20% บริษัทจึงมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ในต่างประเทศ
ทั้งนี้ในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้มีการไปโรดโชว์ต่างประเทศมาแล้วจำนวน 6 ครั้ง ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาฟังข้อมูลและมีการทยอยเปิดบัญชีมาต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนที่จะไปโรดโชว์ทุกไตรมาส ซึ่งกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเป้าหมายของทางบล.ธนชาต คืออ นักลงทุนสถาบันที่ประเทศแคนาดา จากที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ที่แคนาดา คือ ธนาคารโนวาสโกเทีย ช่วยสนับสนุนจากเป็นนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่บริษัทหลักทรัพย์ยังไม่เข้าไปเจาะ ซึ่งนักลงทุนสถาบันที่ประเทศแคนาดานั้นที่บริษัทจะเข้าไปนั้นเป็นกองทุนที่มีการลงทุนระยาว มูลค่ากองทุนที่สูง ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
“สัดส่วนนักลงทุนของบริษัทขณะนี้เป็นนักลงทุนรายย่อย 85% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 10% และนักลงทุนสถาบันต่างประเทศลดลงเหลือ 5% จากเดิมที่มี 20% จากที่บริษัทหมดสัญญาในการทำธุรกิจร่วมกับทางบีเอ็นพี พารีบาส์ ทำให้จากนี้บริษัทจะต้องมีการหาลูกค้าต่างประเทศเอง โดยจะใช้ความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ทางโนวาสโกเทียในการหาลูกค้ากองทุนที่แคนาดา และจากการที่บริษัทมีบทวิเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับและบริการที่ดีในการดึงดูดลูกค้า”นางอัศวินี กล่าว
สำหรับจากการไปโรดโชว์นั้นเชื่อว่าปีนี้จะทำให้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10% และคาดว่าภายใน 3 ปี จะมีสัดส่วนักลงทุนต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับมาที่ 20% โดยการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการไปโรดโชว์ที่โตรอนโต ประเทศแคนาดาวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ทางบล.ธนชาตร่วมเดินทางไปโดยจากการที่ทางผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้มีการช่วยในเรื่องการเชิญนักลงทุนสถาบันที่แคนาดาในการเข้ามาฟังข้อมูล ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะพาบริษัทจดทะเบียนไปประมาณ 10 แห่ง โดยเชื่อว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่
นางอัศวินี กล่าวว่า จากการที่บริษัทหมดสัญญากับทางพันธมิตรทางธุรกิจคือ บีเอ็นพี พารีบาส์ไปแล้วนั้น บริษัทมีแผนที่จะหาพันธมิตรในการร่วมทำธุรกิจ เพื่อที่จะขยายฐานนักลงทุนของบริษัทให้มากขึ้น เพื่อที่จะให้ฐานลูกค้าของบริษัทมีการกระจาย เพื่อที่จะทำให้บริษัทไม่ได้กระทบ โดยพันธมิตรที่บริษัทต้องการจะเป็นแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทจะมีการเน้นการให้บริการที่ดีมีคุณภาพในเรื่องของบทวิเคราะห์ และจะมีการให้บทวิเคราะห์ถึงมือลูกค้ามากขึ้น โดยการส่งผ่าน Iphone ipad ฯลฯมากขึ้น ซึ่งจากการที่บริษัทมีการบริการที่ดีทำให้นักลงทุนเข้ามาใช้บริการแก่บริษัท ซึ่งปัจจุบันค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชั่น)ของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ 0.2% โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับดังกล่าว เพราะ จากที่บริษัทไม่มีลูกค้าบุคคลที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ จึงทำให้ค่าคอมมิชชั่นของบริษัทไม่ต้องมีการปรับตัวลดลง และแม้สัดส่วนนักลงทุนต่างชาตของบริษัทปรับตัวลดลงนั้นไม่ส่งกระทบต่อรายได้ของบริษัท เพราะ ค่าคอมมิชชั่นของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ปีนี้อยู่ที่ 5% ซึ่งนับรวมกับมาร์เกตแชร์ของทางบล.นครหลวงไทยแล้ว โดยจากการที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนนั้นเป็นโอกาสนักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งในช่วง2 เดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศกับบริษัทเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีนักลงทุนเปิดบัญชีแล้วจำนวน 30-40 บัญชี ซึ่งลูกค้าของบริษัทที่ไปลงทุนหุ้นต่างประเทศในช่วงปลายปีที่ผ่านมาขณะนี้มีผลตอบแทนประมาณ 10%
นางอัศวินี ไตลังคะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ของบริษัทในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.8% จากสิ้นปีก่อนที่4.5% เนื่องจาก นักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเป็น 25%ของมูลค่าซื้อขายรวม และจากการที่บริษัทหมดสัญญากับทางบริษัทหลักทรัพย์ บีเอ็นพี พารีบาส์ ในการส่งคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศให้กับทางบล.ธนชาต ทำให้สัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศของบริษัทลดลงเหลือเพียง 5% จากที่ผ่านมาอยู่ที่ 20% บริษัทจึงมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ในต่างประเทศ
ทั้งนี้ในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้มีการไปโรดโชว์ต่างประเทศมาแล้วจำนวน 6 ครั้ง ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาฟังข้อมูลและมีการทยอยเปิดบัญชีมาต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนที่จะไปโรดโชว์ทุกไตรมาส ซึ่งกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเป้าหมายของทางบล.ธนชาต คืออ นักลงทุนสถาบันที่ประเทศแคนาดา จากที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ที่แคนาดา คือ ธนาคารโนวาสโกเทีย ช่วยสนับสนุนจากเป็นนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่บริษัทหลักทรัพย์ยังไม่เข้าไปเจาะ ซึ่งนักลงทุนสถาบันที่ประเทศแคนาดานั้นที่บริษัทจะเข้าไปนั้นเป็นกองทุนที่มีการลงทุนระยาว มูลค่ากองทุนที่สูง ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
“สัดส่วนนักลงทุนของบริษัทขณะนี้เป็นนักลงทุนรายย่อย 85% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 10% และนักลงทุนสถาบันต่างประเทศลดลงเหลือ 5% จากเดิมที่มี 20% จากที่บริษัทหมดสัญญาในการทำธุรกิจร่วมกับทางบีเอ็นพี พารีบาส์ ทำให้จากนี้บริษัทจะต้องมีการหาลูกค้าต่างประเทศเอง โดยจะใช้ความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ทางโนวาสโกเทียในการหาลูกค้ากองทุนที่แคนาดา และจากการที่บริษัทมีบทวิเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับและบริการที่ดีในการดึงดูดลูกค้า”นางอัศวินี กล่าว
สำหรับจากการไปโรดโชว์นั้นเชื่อว่าปีนี้จะทำให้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10% และคาดว่าภายใน 3 ปี จะมีสัดส่วนักลงทุนต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับมาที่ 20% โดยการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการไปโรดโชว์ที่โตรอนโต ประเทศแคนาดาวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ทางบล.ธนชาตร่วมเดินทางไปโดยจากการที่ทางผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้มีการช่วยในเรื่องการเชิญนักลงทุนสถาบันที่แคนาดาในการเข้ามาฟังข้อมูล ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะพาบริษัทจดทะเบียนไปประมาณ 10 แห่ง โดยเชื่อว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่
นางอัศวินี กล่าวว่า จากการที่บริษัทหมดสัญญากับทางพันธมิตรทางธุรกิจคือ บีเอ็นพี พารีบาส์ไปแล้วนั้น บริษัทมีแผนที่จะหาพันธมิตรในการร่วมทำธุรกิจ เพื่อที่จะขยายฐานนักลงทุนของบริษัทให้มากขึ้น เพื่อที่จะให้ฐานลูกค้าของบริษัทมีการกระจาย เพื่อที่จะทำให้บริษัทไม่ได้กระทบ โดยพันธมิตรที่บริษัทต้องการจะเป็นแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทจะมีการเน้นการให้บริการที่ดีมีคุณภาพในเรื่องของบทวิเคราะห์ และจะมีการให้บทวิเคราะห์ถึงมือลูกค้ามากขึ้น โดยการส่งผ่าน Iphone ipad ฯลฯมากขึ้น ซึ่งจากการที่บริษัทมีการบริการที่ดีทำให้นักลงทุนเข้ามาใช้บริการแก่บริษัท ซึ่งปัจจุบันค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชั่น)ของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ 0.2% โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับดังกล่าว เพราะ จากที่บริษัทไม่มีลูกค้าบุคคลที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ จึงทำให้ค่าคอมมิชชั่นของบริษัทไม่ต้องมีการปรับตัวลดลง และแม้สัดส่วนนักลงทุนต่างชาตของบริษัทปรับตัวลดลงนั้นไม่ส่งกระทบต่อรายได้ของบริษัท เพราะ ค่าคอมมิชชั่นของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับที่ดี
อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ปีนี้อยู่ที่ 5% ซึ่งนับรวมกับมาร์เกตแชร์ของทางบล.นครหลวงไทยแล้ว โดยจากการที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนนั้นเป็นโอกาสนักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งในช่วง2 เดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศกับบริษัทเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีนักลงทุนเปิดบัญชีแล้วจำนวน 30-40 บัญชี ซึ่งลูกค้าของบริษัทที่ไปลงทุนหุ้นต่างประเทศในช่วงปลายปีที่ผ่านมาขณะนี้มีผลตอบแทนประมาณ 10%