"นายกฯ"ยันลอยตัวแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมเริ่ม ก.ค. นี้ตามมติกพช.ทยอยไตรมาสละ 3 บาทต่อกก.แต่พลังงานยังอ้ำอึ้งรอลงนามแอลพีจีภาคขนส่งและเอ็นจีวีรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจขยับขึ้นตาม ด้านเบนซินขยับ 60 สตางค์วันนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ภาคเอกชนได้เสนอให้ชะลอการลงนามประกาศปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมออกไปก่อนโดยรอให้รัฐบาลใหม่มาตัดสินใจว่า รัฐบาลจะไม่เลื่อนการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มหรือ แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม ออกไปจากกำหนดการเดิมในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อลดภาระการอุดหนุนราคาจำหน่ายของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกฯเป็นประธานที่ผ่านมากำหนดแผนที่จะทยอยปล่อยลอยตัวราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลก ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะปรับขึ้นไตรมาสละ 3 บาทต่อกิโลกรัม รวมทั้งหมด 4 ครั้ง จากปัจจุบันที่ราคาก๊าซ LPG อยู่ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท เป็นประมาณกิโลกรัมละ 30.13 บาท
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบจะใช้แอลพีจีตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไปเนื่องจากจะได้รับอนุโลมให้กับผู้ใช้รายย่อยที่ไม่ถึงระดับดังกล่าวสามารถใช้ถังแอลพีจีขนาด 48 กิโลกรัม(กก.)ได้ซึ่งส่วนนี้จะไม่ถูกปรับขึ้นราคา โดยภาพรวมปีนี้การใช้แอลพีจีครึ่งปีหลังจะเฉลี่ยเดือนละ 1.4 แสนตันจากครึ่งแรกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.1 แสนตันเนื่องจากการใช้ในภาคครัวเรือน ขนส่ง ปิโตรเคมียังคงขยายตัวและ การนำเข้าแอลพีจีตั้งแต่เม.ย. 2551 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องใช้เงินดูแลไปแล้วทั้งสิ้น 4.7 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมข้อมูลที่จะนำเสนอต่อรมว.พลังงานคนใหม่ถึงการปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบโดยเฉพาะ ราคาแอลพีจีภาคขนส่งและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ที่จะต้องปรับขึ้นเพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันฯเนื่องจากกองทุนน้ำมันฯฐานะสุทธิจริงๆติดลบและหากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลหมดลงจะบริหารยากขึ้นหากยังคงตรึงราคาดีเซลและแอลพีจี เอ็นจีวีเหมือนเดิม ซึ่งขณะนี้กองทุนฯต้องอุดหนุนราคาแอลพีจีเฉลี่ยเดือนละ 3,000 ล้านบาท NGV เดือนละ 400 ล้านกว่าบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานยังรอนายกฯลงนามในประกาศการขึ้นราคาซึ่งหลังจากนั้นต้องลงในราชกิจจานุเบกษาที่อาจต้องใช้เวลา 2-3 วันจึงจะมีผลบังคับใช้ ขณะที่นายกฯกลับระบุว่ากพช.มีมติแล้วสามารถปฏิบัติได้เลยเบนซินขยับ60สต./ลิตรวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินอีกลิตรละ 60 สตางค์เว้นอี 85 ที่ขึ้นเพียง 30 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันนี้(1ก.ค.) เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาเบนซิน 91 เป็น 42.04 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.64 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 37.14 บาทต่อลิตร อี 20 เป็น 33.74 บาทต่อลิตรและอี 85 เป็น 22.02 บาทต่อลิตร ดีเซลคงเดิม 29.99 บาทต่อลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่า ค่าการตลาดผู้ค้าเบนซินเหลือเพียง 1 บาทต่อลิตร ดีเซลเหลือ 80 สตางค์ต่อลิตรซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอาจต้องเข้ามาอุดหนุนเพิ่มโดยขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกยังเป็นขาขึ้นเนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่า สต็อกน้ำมันสหรัฐปรับลด และกำลังเข้าสู่ฤดูเฮอร์ริเคน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ภาคเอกชนได้เสนอให้ชะลอการลงนามประกาศปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมออกไปก่อนโดยรอให้รัฐบาลใหม่มาตัดสินใจว่า รัฐบาลจะไม่เลื่อนการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มหรือ แอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม ออกไปจากกำหนดการเดิมในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อลดภาระการอุดหนุนราคาจำหน่ายของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกฯเป็นประธานที่ผ่านมากำหนดแผนที่จะทยอยปล่อยลอยตัวราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลก ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะปรับขึ้นไตรมาสละ 3 บาทต่อกิโลกรัม รวมทั้งหมด 4 ครั้ง จากปัจจุบันที่ราคาก๊าซ LPG อยู่ที่กิโลกรัมละ 18.13 บาท เป็นประมาณกิโลกรัมละ 30.13 บาท
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบจะใช้แอลพีจีตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไปเนื่องจากจะได้รับอนุโลมให้กับผู้ใช้รายย่อยที่ไม่ถึงระดับดังกล่าวสามารถใช้ถังแอลพีจีขนาด 48 กิโลกรัม(กก.)ได้ซึ่งส่วนนี้จะไม่ถูกปรับขึ้นราคา โดยภาพรวมปีนี้การใช้แอลพีจีครึ่งปีหลังจะเฉลี่ยเดือนละ 1.4 แสนตันจากครึ่งแรกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.1 แสนตันเนื่องจากการใช้ในภาคครัวเรือน ขนส่ง ปิโตรเคมียังคงขยายตัวและ การนำเข้าแอลพีจีตั้งแต่เม.ย. 2551 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องใช้เงินดูแลไปแล้วทั้งสิ้น 4.7 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเตรียมข้อมูลที่จะนำเสนอต่อรมว.พลังงานคนใหม่ถึงการปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบโดยเฉพาะ ราคาแอลพีจีภาคขนส่งและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ที่จะต้องปรับขึ้นเพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันฯเนื่องจากกองทุนน้ำมันฯฐานะสุทธิจริงๆติดลบและหากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลหมดลงจะบริหารยากขึ้นหากยังคงตรึงราคาดีเซลและแอลพีจี เอ็นจีวีเหมือนเดิม ซึ่งขณะนี้กองทุนฯต้องอุดหนุนราคาแอลพีจีเฉลี่ยเดือนละ 3,000 ล้านบาท NGV เดือนละ 400 ล้านกว่าบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานยังรอนายกฯลงนามในประกาศการขึ้นราคาซึ่งหลังจากนั้นต้องลงในราชกิจจานุเบกษาที่อาจต้องใช้เวลา 2-3 วันจึงจะมีผลบังคับใช้ ขณะที่นายกฯกลับระบุว่ากพช.มีมติแล้วสามารถปฏิบัติได้เลยเบนซินขยับ60สต./ลิตรวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินอีกลิตรละ 60 สตางค์เว้นอี 85 ที่ขึ้นเพียง 30 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันนี้(1ก.ค.) เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาเบนซิน 91 เป็น 42.04 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.64 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 37.14 บาทต่อลิตร อี 20 เป็น 33.74 บาทต่อลิตรและอี 85 เป็น 22.02 บาทต่อลิตร ดีเซลคงเดิม 29.99 บาทต่อลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่า ค่าการตลาดผู้ค้าเบนซินเหลือเพียง 1 บาทต่อลิตร ดีเซลเหลือ 80 สตางค์ต่อลิตรซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอาจต้องเข้ามาอุดหนุนเพิ่มโดยขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกยังเป็นขาขึ้นเนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่า สต็อกน้ำมันสหรัฐปรับลด และกำลังเข้าสู่ฤดูเฮอร์ริเคน