อิมแพ็ค ทุ่มเม็ดเงิน 3,100 ล้านบาท ขยายพื้นที่จัดกิจกรรมอิมแพ็ค เพิ่ม 5 หมื่นตารางเมตร พร้อมผุดโรงแรม 3 ดาว ดึงเชนแอคคอร์บริหารกว่า 600 ห้อง มูลค่า 1,000 ล้านบาท รองรับการขยายตัวด้านงานแสดงสินค้าและศูนย์ประชุมจนถึงปี 2556 หวังแข่งยักษ์สิงคโปร์
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจใช้เม็ดเงินลงทุน 3,100 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงศูนย์ประชุมอิมแพ็ค คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ รวดเดียว จากเดิมที่เคยมีแผนลงทุนปีละ 1,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยขยายพื้นที่เพิ่มอีก 50,000 ตารางเมตร ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จเดือนกรกฎาคม 2555 เนื่องจากจำนวนการจองพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในอิมแพ็คมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันอิมแพ็คมีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมทั้งงานแสดงสินค้าและงานการประชุม 1.2 แสนตารางเมตร หรือมีห้องจำนวน 54 ห้อง ใหญ่ที่สุด คือ อาคารอารีน่าพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร โดยมีอัตราเข้าใช้อยู่ที่ 70%
โดยหลังจากขยายพื้นที่ศูนย์ประชุมแล้วจะส่งผลให้มีพื้นที่รองรับกิจกรรม 2-2.5 แสนตารางเมตร รองรับคนเพิ่มได้ถึง 10,000 คนต่อวัน ประกอบด้วย ห้องโถง 7,000 ตารางเมตร ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ 2 ห้อง รับแขกได้กว่า 25,000 คน และ 8,000 คนตามลำดับ ห้องประชุมพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก 3 แห่ง ห้องจัดแสดงอเนกประสงค์ขนาด 5,000 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ห้องประชุม 500 ตารางเมตร จำนวน 3 ห้อง อาคารจอดรถในร่ม 4,000 คัน มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2555
นอกจากนี้ จะมีการสร้าง “สกายบริดจ์” ซึ่งเป็นทางเดินเชื่อมระหว่างสถานที่ต่างๆ และติดตั้งทางเลื่อนระยะทาง 200 เมตร ทอดยาวไปถึงทะเลสาบใหญ่ของเมืองทองธานี อีกทั้งมีการสร้างโรงแรมขนาด 3 ดาว ราคาเข้าพัก 1,000-1,200 บาท ขนาด 600-680 ห้อง มูลค่าการลงทุน 1,000 ล้านบาท บริหารโดยเชนแอคคอร์ ซึ่งจะเปิดใช้บริการได้ในปลายปีหน้า เมื่อรวมกับโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค จะทำให้มีห้องพักรองรับทั้งหมด 1,000 ห้อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะรองรับการเติบโตไปจนถึงปี 2557
นายพอลล์ กล่าวว่า ในภูมิภาคอาเซียน มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่อยู่ 3 แห่ง คือที่ มารีน่า เบย์ แซนด์ส สิงคโปร์, สิงคโปร์ เอ็กซ์โป ซึ่งอยู่กระหว่างการก่อสร้างโรงแรม และ อิมแพ็ค ถือว่าสิงคโปร์เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว นายพอลล์ กล่าว
สำหรับเงินลงทุน 3,100 ล้านบาท จะมาจากบริษัท บางกอกแลนด์ ทั้งนี้ หลังจากโรงแรมแห่งที่สองแล้วเสร็จจะมีรายได้ในส่วนของโรงแรมเป็น 500-600 ล้านบาทต่อปีในปี 2556 หากรวมพื้นที่จัดกิจกรรมที่เพิ่มเติมเข้ามาด้วยจะส่งผลให้อิมแพ็คมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท เติบโต 33%
นายพอลล์ ได้กล่าวถึงปัญหาการเมืองไทย ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการจัดงานการประชุมไม่มาก โดยทำให้การจัดงานมีความล่าช้าไปบ้าง แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานแสดงสินค้าประเภทอุตสาหกรรมซึ่งต้องคำนึงถึงโอกาสในการลงทุน สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันผลที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรคงไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของอิมแพ็คเพราะบริษัทมองรายได้ที่จะเข้ามาในระยะยาวมากกว่า
ส่วนเรื่องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลื่อนไปไม่มีกำหนดเพราะบริษัทอยู่ระหว่างขยายการลงทุนหากเข้าจดทะเบียนในตอนนี้ มูลค่าหุ้นอาจจะไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจใช้เม็ดเงินลงทุน 3,100 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงศูนย์ประชุมอิมแพ็ค คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ รวดเดียว จากเดิมที่เคยมีแผนลงทุนปีละ 1,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยขยายพื้นที่เพิ่มอีก 50,000 ตารางเมตร ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จเดือนกรกฎาคม 2555 เนื่องจากจำนวนการจองพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในอิมแพ็คมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันอิมแพ็คมีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมทั้งงานแสดงสินค้าและงานการประชุม 1.2 แสนตารางเมตร หรือมีห้องจำนวน 54 ห้อง ใหญ่ที่สุด คือ อาคารอารีน่าพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร โดยมีอัตราเข้าใช้อยู่ที่ 70%
โดยหลังจากขยายพื้นที่ศูนย์ประชุมแล้วจะส่งผลให้มีพื้นที่รองรับกิจกรรม 2-2.5 แสนตารางเมตร รองรับคนเพิ่มได้ถึง 10,000 คนต่อวัน ประกอบด้วย ห้องโถง 7,000 ตารางเมตร ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ 2 ห้อง รับแขกได้กว่า 25,000 คน และ 8,000 คนตามลำดับ ห้องประชุมพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก 3 แห่ง ห้องจัดแสดงอเนกประสงค์ขนาด 5,000 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ห้องประชุม 500 ตารางเมตร จำนวน 3 ห้อง อาคารจอดรถในร่ม 4,000 คัน มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2555
นอกจากนี้ จะมีการสร้าง “สกายบริดจ์” ซึ่งเป็นทางเดินเชื่อมระหว่างสถานที่ต่างๆ และติดตั้งทางเลื่อนระยะทาง 200 เมตร ทอดยาวไปถึงทะเลสาบใหญ่ของเมืองทองธานี อีกทั้งมีการสร้างโรงแรมขนาด 3 ดาว ราคาเข้าพัก 1,000-1,200 บาท ขนาด 600-680 ห้อง มูลค่าการลงทุน 1,000 ล้านบาท บริหารโดยเชนแอคคอร์ ซึ่งจะเปิดใช้บริการได้ในปลายปีหน้า เมื่อรวมกับโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค จะทำให้มีห้องพักรองรับทั้งหมด 1,000 ห้อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะรองรับการเติบโตไปจนถึงปี 2557
นายพอลล์ กล่าวว่า ในภูมิภาคอาเซียน มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่อยู่ 3 แห่ง คือที่ มารีน่า เบย์ แซนด์ส สิงคโปร์, สิงคโปร์ เอ็กซ์โป ซึ่งอยู่กระหว่างการก่อสร้างโรงแรม และ อิมแพ็ค ถือว่าสิงคโปร์เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว นายพอลล์ กล่าว
สำหรับเงินลงทุน 3,100 ล้านบาท จะมาจากบริษัท บางกอกแลนด์ ทั้งนี้ หลังจากโรงแรมแห่งที่สองแล้วเสร็จจะมีรายได้ในส่วนของโรงแรมเป็น 500-600 ล้านบาทต่อปีในปี 2556 หากรวมพื้นที่จัดกิจกรรมที่เพิ่มเติมเข้ามาด้วยจะส่งผลให้อิมแพ็คมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท เติบโต 33%
นายพอลล์ ได้กล่าวถึงปัญหาการเมืองไทย ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการจัดงานการประชุมไม่มาก โดยทำให้การจัดงานมีความล่าช้าไปบ้าง แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานแสดงสินค้าประเภทอุตสาหกรรมซึ่งต้องคำนึงถึงโอกาสในการลงทุน สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันผลที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรคงไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของอิมแพ็คเพราะบริษัทมองรายได้ที่จะเข้ามาในระยะยาวมากกว่า
ส่วนเรื่องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลื่อนไปไม่มีกำหนดเพราะบริษัทอยู่ระหว่างขยายการลงทุนหากเข้าจดทะเบียนในตอนนี้ มูลค่าหุ้นอาจจะไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง