ภาคเอกชนประกาศทำสงครามคอร์รัปชัน ปลดแอกส่วย-จ่ายใต้โต๊ะ “ดุสิต” ลั่นเป็นแกนนำตัดวงจรอุบาทว์ ระบุ ผู้ประกอบการเกือบ 80% ที่ทำธุรกิจกับภาครัฐ ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้งาน โดยพบว่า 1 ใน 3 ต้องจ่ายเงินมากกว่า 25% เม็ดเงินที่หายไป 2-3 แสนล้าน ควรจะนำมาพัฒนาประเทศ แทนเข้ากระเป๋าผู้มีอำนาจ ชี้ เป็นต้นทุนแฝง สะท้อนไปที่ราคาสินค้า เงินเฟ้อ และถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน คลังแฉสมคบตั้งราคากลางเกินจริง 30% ฮั้วแบ่งเค้กเมกะโปรเจกต์ ต้องเลิก เพราะรัฐสูญรายได้ปีละหลายแสนล้าน เพราะราคาประมูลไม่สะท้อนต้นทุนจริง
รายงานข่าวแจ้งว่า หอการค้าไทย และภาคีเครือข่ายป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 20 องค์กร ได้ประกาศสงครามต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมจัดสัมมนาต่อต้านคอร์รัปชัน จุดเปลี่ยนประเทศไทย ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และมีส่วนร่วมต่อต้านการโกงกิน
นายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย ยอมรับว่า ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงภัยทุจริตคอร์รัปชั่น และยังมองว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งยอมให้มีการโกงได้หากมีผลงาน ซึ่งหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อประเทศ เนื่องจากผลการวิจัยของหอการค้าไทยพบว่า ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเกือบ 80% ที่ทำธุรกิจกับภาครัฐ ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้งาน และพบว่า 1 ใน 3 ต้องจ่ายเงินมากกว่า 25% หรือคิดเป็นเม็ดเงินสูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท
ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า จำนวนเงินกว่า 200,000-300,000 ล้านบาท ที่หายไปนั้น เป็นจำนวนเงินที่ควรจะนำมาพัฒนาประเทศ ดังนั้น จึงถึงเวลาที่ต้องเริ่มต้นรวมพลังกันทุกภาคส่วนเพื่อเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ โดยเฉพาะภาคเอกชน 20 องค์กรภาคีเครือข่าย จะหยุดให้หรือหยุดจ่าย เพื่อยุติข้ออ้างที่ว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดจากมีผู้ให้จึงมีผู้รับ ถ้าเรายุติการให้ หรือการจ่ายที่ไม่ถูกต้อง ถือว่าเป็นการตัดวงจรนี้ไปโดยปริยาย
“มั่นใจว่า การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะเห็นได้จากตัวอย่างการต่อต้านของประเทศฮ่องกงที่ทำสำเร็จมาแล้ว เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สถานการณ์การทุจริตในฮ่องกงเลวร้ายกว่าประเทศไทยมาก แต่วันนี้ฮ่องกงพลิกฟื้นภาพลักษณ์มาได้ เป็นประเทศที่มีความโปร่งใส อันดับ 13 ของโลก”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนเองได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงบประมาณเข้าไปแก้ปัญหาด้วยการปรับปรุงราคากลางในการประมูลทั้งหมดให้สะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด เพราะที่ผ่านมามีการกำหนดราคากลางเกินจริงไป 20-30% ดังนั้น การแก้ไขปัญหาต้องแก้ทั้งระบบ ทั้งการเมือง ราชการ และภาคธุรกิจ ที่สำคัญ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ปัญหาค่านิยมการทุจริตให้หมดไปจากประเทศไทย
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเมื่อปลายปี 2553 พบว่า มีผู้ประกอบการ 80% มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะจริง และจำนวน 71% รู้ว่าต้องจ่ายอย่างไร และเท่าไหร่ เพื่อความสะดวกในการทำงาน แม้ว่าภาครัฐจะไม่เรียกร้องก็ตาม
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการ 29% ยอมจ่ายเมื่อมีการเรียกร้อง ดังนั้น เม็ดเงินคอร์รัปชันแต่ละปีจึงสูงถึง 2-3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของมูลค่าเงินลงทุนของรัฐจำนวน 6 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นเม็ดเงินมหาศาลที่สะท้อนไปถึงราคาสินค้าที่แพงขึ้น เกิดเงินเฟ้อ และถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า มีเม็ดเงินค่าสินบนที่ประชาชนทั่วไป ต้องจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ได้ความรวดเร็ว เช่น บริการนำเข้าส่งออกสินค้า และการขอใบอนุญาตต่างๆ
ด้าน นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้รายงานธุรกรรมที่ผิดปกติตามกฎหมาย ปปง.ในส่วนของบัญชีที่มีเงินหมุนเวียนเข้ามากกว่า 2 แสนบาท โดยบัญชีเหล่านี้อาจมีบัญชีที่มีเงินหมุนเวียนไม่มาก แต่ผ่านไประยะหนึ่งมีกระแสเงินหมุนเวียนผิดปกติ โดยแต่ละปีธนาคารพาณิชย์ได้รายงานให้ ปปง.ทราบหลายหมื่นบัญชี และจากนี้ทุกฝ่ายจะมีความตั้งใจ และเข้มงวดตรวจสอบมากขึ้น และพร้อมให้ความร่วมมือตามกฎหมาย
นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการจัดทำราคากลางให้สะท้อนต้นทุนที่เป็นจริง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในโครงการใหญ่ๆ ลงได้ ซึ่งที่ผ่านมามีการพูดถึงตัวเลขราคากลางที่สูงกว่าความเป็นจริง 10-30% ซึ่งทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณจากราคาที่ไม่สะท้อนต้นทุนหลายแสนล้านบาท
หลังจากนี้ กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณ เร่งจัดทำราคากลางขึ้นใหม่ โดยมีผู้เชี่ยวชาญและภาคเอกชนเข้ามาให้ความร่วมมือ โดยได้มีการแบ่งหมวดหมู่ของราคากลางออกเป็น 9 หมวด และราคากลางล่าสุดที่สะท้อนต้นทุนที่เป็นจริงจะเริ่มใช้ได้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า และกระทรวงการคลังจะติดตามความเคลื่อนไหวของราคาวัสดุที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับราคากลางตามภาวะเศรษฐกิจ
นายจูลีมู ผู้อำนวยการด้านชุมชนสัมพันธ์เขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ฮ่องกงมีการคอร์รัปชั่นติดอันดับ 13 ของโลก พร้อมระบุว่า การแก้ปัญหาคอร์รัปชันนั้นจะสำเร็จได้ต้องได้รับความร่วมมือของคนในสังคมร่วมกันให้ข้อมูล ขณะที่ภาครัฐต้องสร้างจิตสำนึก รณรงค์ให้มีการทำงานอย่างสุจริต ซึ่งได้สร้างกระแสโดยอาศัยทั้งสื่อโฆษณา โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์โปสเตอร์ และละครซีรีย์ ซึ่งหลังจากคนในประเทศได้ให้ความสำคัญตระหนักถึงการร่วมแก้ปัญหา ทำให้วันนี้ฮ่องกงถือว่าเป็นประเทศเกือบไม่มีคอร์รัปชันแล้ว