“มาร์ค โพเดียม” เปิดสัมมนาต่อต้านคอร์รัปชัน ชี้ทำชาติเสียหายบ่อนทำลายการพัฒนา รับเจ้าหน้าที่ทุจริตทำยาเสพติดขยายวงกว้าง วอนทุกฝ่ายร่วมแก้ เผยรัฐแก้จัดซื้อจัดจ้าง 2 วิธี แนะเปลี่ยนทัศนคติค่านิยมโกง ให้เอกชนจับมือเมินให้สินบน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการสัมมนาเรื่อง “การต่อต้านคอร์รัปชัน จุดเปลี่ยนประเทศไทย” โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ทุกภาคส่วนในสังคมได้ตระหนักถึงความสูญเสียจากการทุจริตคอร์รัปชัน โดยเฉพาะประเด็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ หรือโอกาสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะร่วมกันต่อต้านและปราบปราม ทั้งนี้มีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโอกาสในการพัฒนาทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายและบ่อนทำลายการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะระบบธรรมาภิบาลและความไม่เป็นธรรมที่กัดเซาะเศรษฐกิจและการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อีกทั้งยังเกิดผลกระทบทางสังคมซึ่งเห็นได้ชัดจากปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นและขยายวงกว้างเนื่องจากมีการทุจริตคอร์รัปชันจากเจ้าหน้าที่ นี่จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหายาเสพติดขยายตัว หรือแม้แต่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันที่เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นตั้งแต่ระดับชาติจนถึงท้องถิ่น จนนำมาสู่ที่มาของวิกฤตทางการเมือง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในการทำงานแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะ 3 ฝ่ายที่สำคัญคือ 1.ภาครัฐ 2.เอกชน และ3.ภาคประชาชน ที่ต้องทำงานร่วมกัน และเดินหน้าการหาวิธีการในการทำงานให้ชัดเจน คือ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะ เพราะการทุจริตคอร์รัปชันมีความสลับซับซ้อน ซ่อนตัว ซึ่งทางรัฐบาลได้นำเนินการในการแก้ไขปัญหาการทุจริต การจัดซื้อจัดจ้าง 2 วิธีคือ 1.การแก้ไขปัญหาการสมย่อมราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงเกิดจริง 10-20% จะไม่เกิดขึ้น หากมีการกำหนดราคากลางที่สะท้อนความเป็นจริงและราคาตลาด ดังนั้นได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทบทวนราคากลางให้รัดกุมและแม่นยำที่สำคัญภาคเอกชนต้องเขามามีส่วนร่วม และ 2.การแก้ไขความสลับซับซ้อนซ่อนตัวจะต้องใช้เทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญที่เป็นหน่วยงานกลางเข้าไปตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจ้างที่ปรึกษา เพราะการทุจริตเกิดขึ้นตั้งแต่การจ้างที่ปรึกษาเพื่อมาหาช่องทางในการคอร์รัปชั่น
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ค่านิยมการทุจริตคอร์รัปชันถือเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องร่วมกันปรับเปลี่ยนทัศนคติ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนคือปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ และอยากยกตัวอย่างประสบการณ์ส่วนตัวสมัยเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพฯ ในช่วงนั้นมีบุคคลเสนอตัวให้ผลประโยชน์ เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งแลกกับการส่งบุคคลเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ให้ทั่วถึง ดังนั้นจึงเกิดข้อสังเกตว่าการบริจาคเงินสนับสนุนมีความโปร่งใสหรือไม่
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ 2 ตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี มีบุคคลที่เป็นนักธุรกิจโทรศัพท์มาตำหนิว่าเหตุใดจึงปล่อยให้กระทรวงหนึ่งมีการทุจริตคอร์รัปชัน แต่นักธุรกิจรายนั้นไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเพราะหวั่นเกรงว่าไม่สามารถรับงานหรือโครงการจากกระทรวงดังกล่าวได้อีก
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะต้องก้าวข้าม คือ ภาคเอกชนต้องจับมือกัน ปฏิเสธการให้สินบนและพร้อมจะแบ่งปันข้อมูลการทุจริตให้กับภาครัฐ ซึ่งนับเป็นการเดินหน้าต่อต้านการคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย ที่จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้ และหากทำสำเร็จก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และอื่นๆ
“แม้ปัญหาคอร์รัปชันมีมาตั้งแต่มนุษย์อยู่บนโลก แต่จะทำอย่างไรจะแก้ไขปัญหา โดยทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมเดินไปด้วยกันเพื่อให้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย”