หอการค้าไทยและภาคีเครือข่ายป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น 20 องค์กร ประกาศสงครามต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อมจัดสัมมนาต่อต้านคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และมีส่วนร่วมต่อต้านการโกงกิน เนื่องจากผลการวิจัยของหอการค้าไทยพบว่า ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเกือบ 80% ที่ทำธุรกิจกับภาครัฐ ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้งาน และพบว่า 1 ใน 3 ต้องจ่ายเงินมากกว่า 25% หรือคิดเป็นเม็ดเงินสูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท
ด้านนายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงภัยทุจริตคอร์รัปชั่น และยังมองว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งยอมให้มีการโกงได้หากมีผลงาน หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อประเทศ เราจึงต้องเริ่มต้นรวมพลังกันทุกภาคส่วนเพื่อเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ โดยเฉพาะภาคเอกชน 20 องค์กรภาคีเครือข่าย จะหยุดให้หรือหยุดจ่าย เพื่อยุติข้ออ้างที่ว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดจากมีผู้ให้จึงมีผู้รับ ถ้าเรายุติการให้ หรือการจ่ายที่ไม่ถูกต้อง ถือว่าเป็นการตัดวงจรนี้ไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ มั่นใจว่า การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะเห็นได้จากตัวอย่างการต่อต้านของประเทศฮ่องกงที่ทำสำเร็จมาแล้ว เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สถานการณ์การทุจริตในฮ่องกงเลวร้ายกว่าประเทศไทยมาก แต่วันนี้ฮ่องกงพลิกฟื้นภาพลักษณ์มาได้ เป็นประเทศที่มีความโปร่งใส อันดับ 13 ของโลก
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเปิดสัมมนา และปาฐกถาพิเศษ เรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย ว่าในเรื่องการทุจริต ปัจจุบันมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างงานต่างๆ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ไปควบคุม กำหนดราคากลาง เพื่อลดปัญหาความสูญเสีย และการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งปัจจุบันราคากลางสูงกว่าราคาจัดซื้อจัดจ้างเพียง 10-20% การแก้ไขปัญหาต้องแก้ทั้งระบบ ทั้งการเมือง ราชการ และภาคธุรกิจ ที่สำคัญ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ปัญหาค่านิยมการทุจริตให้หมดไปจากประเทศไทย
ด้านนายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงภัยทุจริตคอร์รัปชั่น และยังมองว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งยอมให้มีการโกงได้หากมีผลงาน หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อประเทศ เราจึงต้องเริ่มต้นรวมพลังกันทุกภาคส่วนเพื่อเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ โดยเฉพาะภาคเอกชน 20 องค์กรภาคีเครือข่าย จะหยุดให้หรือหยุดจ่าย เพื่อยุติข้ออ้างที่ว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดจากมีผู้ให้จึงมีผู้รับ ถ้าเรายุติการให้ หรือการจ่ายที่ไม่ถูกต้อง ถือว่าเป็นการตัดวงจรนี้ไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ มั่นใจว่า การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะเห็นได้จากตัวอย่างการต่อต้านของประเทศฮ่องกงที่ทำสำเร็จมาแล้ว เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สถานการณ์การทุจริตในฮ่องกงเลวร้ายกว่าประเทศไทยมาก แต่วันนี้ฮ่องกงพลิกฟื้นภาพลักษณ์มาได้ เป็นประเทศที่มีความโปร่งใส อันดับ 13 ของโลก
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเปิดสัมมนา และปาฐกถาพิเศษ เรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย ว่าในเรื่องการทุจริต ปัจจุบันมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างงานต่างๆ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ไปควบคุม กำหนดราคากลาง เพื่อลดปัญหาความสูญเสีย และการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งปัจจุบันราคากลางสูงกว่าราคาจัดซื้อจัดจ้างเพียง 10-20% การแก้ไขปัญหาต้องแก้ทั้งระบบ ทั้งการเมือง ราชการ และภาคธุรกิจ ที่สำคัญ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ปัญหาค่านิยมการทุจริตให้หมดไปจากประเทศไทย