xs
xsm
sm
md
lg

ทุกพรรคเตรียมคอร์รัปชั่นชาติไทยกันแล้ว!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สอดแนมการเมือง”
โดย...ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

คอร์รัปชั่น..เป็นภัยร้ายแรงหนึ่งของประเทศในโลกใบนี้

ทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นเป็นมะเร็งร้าย และเป็นมหันตภัยของทุกประเทศและผู้คนทั้งโลกเพราะเป็นบ่อเกิดแห่งความเลวร้ายทั้งปวง ซึ่งบ่อนทำลายความมั่นคงทั้งในด้านการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม ฯลฯ

ภัยร้ายนี้..นับวันจะเป็นปัญหาใหญ่ของประชาคมโลก จนทำให้องค์การสหประชาชาติ ถึงกับต้องตั้งองค์กรต่อต้านปราบปรามการคอร์รัปชั่นสากล โดยมีประเทศทั่วโลกลงนามเป็นสมาชิก

สมัย“แม้ว”เป็นรัฐบาลใหญ่คับฟ้า การคอร์รัปชั่นโกงกินบ้านเมืองยุคนั้น..เบ่งบานมาก นัก
การเมืองชั่วได้สุมหัวสาวาปามโครงการต่างๆอย่างโจ๋งครึ่ม แค่เป็นนายกรัฐมนตรีเพียง 4-5 ปีเท่านั้น “แม้ว”ก็ถอนทุนบวกกำไรรวยเละกว่า 4-5 แสนล้านบาท

นั่นเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ประชาชน ในนามพันธมิตรฯออกมาชุมนุมต่อต้าน จนทำให้คณะนายทหารจำต้องกระทำการรัฐประหาร ตัดอำนาจล้นฟ้าของรัฐบาล“แม้ว”ลงชั่วคราว

แต่“แม้ว”ก็ยังใช้เงินหวนกลับมายึดอำนาจรัฐได้อีกครั้ง โดยมอบให้ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีตามลำดับ

ทว่า“แม้ว”ก็มิได้กลับตัวกลับใจ ยังคงใช้รัฐบาลนอมีนีของตนกระทำการคอร์รัปชั่น โกงกินบ้านเมืองกันอย่างตะกละตะกราม จนพันธมิตรฯต้องออกมาชุมนุมกันอีกครา

ในที่สุด..รัฐบาลนอมีนีของ“แม้ว”ก็ถูก“สีเขียว”บางคน เปิดยุทธการ“ดันก้น-สมชาย”หล่นจากเก้าอี้นายกฯ แล้ว“ดันก้น-อภิสิทธิ์”ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนทันที

ทว่า..ด้วยสันดานนักการเมืองที่เห็นแก่ตัว ที่ขอเพียงแค่ให้ได้เป็นนายกฯเท่านั้น อภิสิทธิ์ถึงกับละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลทำการคอร์รัปชั่นกันอย่างมโหฬาร จากยุค“หน้าเหลี่ยม”ที่โกงกินกัน20-30% แต่ยุคนายกฯอภิสิทธิ์กลับถูกนักธุรกิจไทยระบุว่า รัฐบาลนี้มีการคอร์รัปชั่นโกงกินกันถึง 40-50% กันเลยทีเดียว!

สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เคยเผยแพร่ผลวิจัยเชิงสำรวจปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น จากกลุ่มประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเยาวชนกลุ่มคนรุ่นใหม่ใน12 จังหวัดทั่วประเทศ

ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 42 เห็นว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ ขณะที่ร้อยละ 38.8 ไม่แน่ใจ ส่วนอีกร้อยละ 19.2 ไม่มีความเห็น

เมื่อแยกผลสำรวจตามอาชีพก็พบว่า กลุ่มตัวอย่างพนักงานบริษัทจำนวนถึง ร้อยละ 51.4 เห็นว่า..การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจ ส่วนอาชีพข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 46.7 ก็เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกัน กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจที่เห็นว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดานั้น..มีถึงร้อยละ 49.8

แถมผลสำรวจของของเอแบคโพลล์ครั้งล่าสุด ยังตอกย้ำให้เห็นถึงอันตรายจากคอร์รัปชั่นในสถานการณ์ปัจจุบันต่อสังคมไทย ที่เพิ่มความเลวร้ายเป็นลำดับจนกลายเป็นค่านิยม ที่ชาชิน-ยอมจำนน-ยอมรับการทุจริตคอร์รัปชั่นไปเสียแล้ว

โดยมองการคอร์รัปชั่นโกงกินบ้านเมือง เป็นเรื่องปกติธรรมดา จึงไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด ที่ผลการจัดอันดับความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ โดยสถาบันของโลกทุกครั้งที่ผ่านมา ไทยจะอยู่ในอันดับประเทศ ที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นสูงประเทศหนึ่งของโลกเลยทีเดียว

ผลสำรวจจากเอแบคโพลล์ยังระบุอีกว่า ประชาชนคนไทยบางส่วนถึงกับยอมรับได้ ที่จะมีผู้นำหรือนักการเมืองที่โกงแต่เก่ง ทั้งๆค่านิยมที่ถูกต้องของคนไทยในอดีต และผู้คนทั่วโลกล้วนมีค่านิยมว่า จะต้องสนับสนุนผู้นำประเทศและนักการเมือง ที่เก่งและต้องไม่โกงอีกต่างหาก

สำหรับสังคมไทยนั้น..กว่าทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาล“แม้ว”และ“มาร์ค”ไม่มีการปราบปรามการคอร์รัปชั่นเลย รวมทั้งไม่มีการรณรงค์ปลูกฝังค่านิยมและการสร้างจิตสำนึก ที่ถูกต้องแก่เยาวชนและผู้คนในสังคมอย่างจริงจังเช่นกัน

นั่นเพราะรัฐบาล“แม้ว”และ“มาร์ค” เป็นรัฐบาลที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่นไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จนคนในสังคมไทยบางส่วนหลงผิดคิดว่า การโกงชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว

วันนี้..องค์กรภาคเอกชนไทยทนการถูกตบทรัพย์ ทั้งใต้โต๊ะและบนโต๊ะอย่างไม่เป็นธรรมไม่ไหวอีกแล้ว จึงได้รวมตัวกันเปิดโปงแฉโพย รวมทั้งตั้งเครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชั่นขึ้นมาโดยหอการค้าไทยและภาคีเครือข่าย ป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชั่น 20 องค์กร ประกาศตัวทำสงครามต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเปิดเผย

โดยมีการจัดสัมมนาต่อต้านการคอร์รัปชั่น ในหัวข้อ“จุดเปลี่ยนประเทศไทย”ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างผลงานรูปธรรมและการมีส่วนร่วม ในการต่อต้านการคอร์รัปชั่นโกงกินชาตินั่นเอง

ทั้งหมดเพราะหอการค้าไทยพบข้อเท็จจริงว่า ในปีที่ผ่านมา..ผู้ประกอบการเกือบ 80% ที่ทำธุรกิจกับภาครัฐ ล้วนต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้ได้งาน โดยต้องจ่ายเป็นเม็ดเงินให้นักการเมืองและข้าราชการชั่วไม่ต่ำกว่าปีละ 200,000 ล้านบาท!

นายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทยเปิดเผยว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงภัยทุจริตคอร์รัปชั่น อีกทั้งยังมองเป็นเรื่องปกติ และมีการโกงได้หากมีผลงาน ซึ่งความคิดดังกล่าวหากปล่อยไว้ ย่อมเป็นอันตรายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง

ประธานหอการค้าไทยยังเผยต่อว่า เราต้องเริ่มต้นรวมพลังกับทุกภาคส่วน เพื่อเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ โดยเฉพาะภาคเอกชน 20 องค์กรภาคีเครือข่าย จะหยุดให้หรือหยุดจ่าย เพื่อยุติข้ออ้างที่ว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดจากการมีผู้ให้..จึงมีผู้รับ ถ้าเรายุติการให้หรือการจ่ายที่ไม่ถูกต้อง ถือว่าเป็นการตัดวงจรนี้ไปโดยปริยาย

ทั้งนี้นายดุสิตบอกอย่างมั่นใจอีกว่า การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะเห็นได้จากตัวอย่างการต่อต้านคอร์รัปชั่นของประเทศฮ่องกง ซึ่งทำสำเร็จเมื่อ 20 ปีที่แล้ว สถานการณ์การทุจริตในฮ่องกงเลวร้ายกว่าไทยมาก แต่วันนี้ฮ่องกงสามารถพลิกฟื้นภาพลักษณ์ มาเป็นประเทศที่มีความโปร่งใสอันดับ 13 ของโลก

เฮ้อ..ทั้งหมดที่เขียนถึง..ล้วนเป็นความเห็น และความต้องการจะกระทำความดี ของนักธุรกิจไทยในนามสภาหอการค้าไทยกับเครือข่ายภาคี 20 องค์กร ที่ทำในนามภาคประชาชนทั้งสิ้น

แต่น่าอนาจยิ่งนัก..ที่ทุกพรรคการเมืองไทย ที่กำลังหาเสียงกันอยู่ในเวลานี้ ไม่มีพรรคใดเลย..ที่เสนอนโยบายจะปราบปรามการคอร์รัปชั่น

นักการเมืองชั่วเหล่านี้แหละ ที่จะเข้ามาเป็นผู้ทรงเกียรติ์ในสภา..เพื่อออกกฏหมายบังคับใช้กับทุกคนในชาติ อีกทั้งจะเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในนามรัฐบาล เพื่อใช้กลไกรัฐไปกับการบริหารบ้านเมือง

ทว่า..พวกเขาไม่มีจิตสำนึก-ไม่มีนโยบาย ที่จะต่อต้านปราบปรามการคอร์รัปชั่นแม้แต่น้อยเลย นั่นเป็นข้อสรุปอย่างชัดแจ้งแล้วว่า...

“สัตว์การเมือง”ทุกพรรคที่เป็น“เสือหิว-หมาโซ” ซึ่งกำลังทุ่มเงินซื้อเสียง-ยึดอำนาจรัฐด้วยเงิน เพื่อจะเป็นรัฐบาล-แล้วเตรียมใช้อำนาจรัฐ ทำการคอร์รัปชั่นเขมือบชาติไทยกันแล้ว..ใช่ไหมล่ะ..หือ..???!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น