“พรทิวา” ฟังธงปีนี้ส่งออกโตกว่า 15% แน่ สั่งทูตพาณิชย์ปรับแผนรับส่งออกโต เน้นเจาะตลาดจีน อินเดีย ละตินอเมริกา และ รัสเซีย พร้อมรุกขายสินค้าอาหาร หลังโลกร้อนทำให้เกิดวิกฤตอาหาร และความต้องการเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบตลาดญี่ปุ่นมีทั้งบวกและลบ
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการมอบนโยบายการทำงานให้กับหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคร.) จำนวน 65 แห่งทั่วโลก วานนี้ (25 พ.ค.) ว่า แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยปี 2554 จะขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 12% โดยอาจขยายตัวได้เกิน 15% ซึ่งได้ขอให้ทูตพาณิชย์ที่เดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้ ปรับกิจกรรมเพื่อรุกตลาดส่งออกมากขึ้น ให้เน้นตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน อินเดีย ละตินอเมริกา และ รัสเซีย ซึ่งตลาดเหล่านี้มีความต้องการสินค้าจำนวนมาก หากสามารถผลักดันให้การส่งออกเพิ่มได้ จะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ให้ทำแผนผลักดันการส่งออกสินค้าอาหาร หลังจากที่หลายๆ ประเทศเกิดภัยพิบัติธรรมชาติจากภาวะโลกร้อน ทำให้ผลผลิตในประเทศเสียหาย จึงมีการนำเข้าสินค้าอาหารมากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกสินค้าอาหารของไทย
“เห็นได้จากการจัดงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ หรืองานไทยเฟกซ์ 2011 ที่มีลูกค้าจากหลายประเทศเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมียอดคำสั่งซื้ออาหารเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกอาหารไทยปีนี้จะขยายตัวถึง 11% เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าขยายตัว 8% จากปี 2553 ที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารไทยประมาณ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ” นางพรทิวา กล่าว
นางพรทิวา กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้มีการประเมินแนวโน้มการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ใหม่ โดยตลาดอเมริกาเหนือปรับเป้าเพิ่มขึ้น 12% จากเดิม 5% ตลาดอเมริกาใต้ ปรับเป้าเพิ่ม 10% จากเดิม 5% ตลาดเอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย (ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และออสเตรเลีย) ปรับเพิ่ม 10% จาก 8% ตลาดจีนปรับเพิ่ม 25% จาก 20% ตลาดตะวันออกกลาง ปรับเพิ่ม 12% จาก 7% ตลาดแอฟริกาปรับเพิ่ม 10% จาก 3%
ส่วนตลาดที่ตลาดที่ยังคงเป้าส่งออกเดิม เช่น สหภาพยุโรป ขยายตัว 12% มูลค่า 2.44 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ รัสเซียและซีไอเอส ขยายตัว 15% มูลค่า 1,134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อาเซียน ขยายตัว 23% มูลค่า 5.45 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เอเชียใต้ ขยายตัว 18% มูลค่า 8,035 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล กล่าวว่า ราคาส่งออกกุ้งปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นมา หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30-40% เนื่องจากหลายประเทศประสบปัญหาภัยธรรมชาติ เช่น อินโดนีเซีย ส่วนจีนผลผลิตไม่เพียงพอ ทำให้มีการส่งออกน้อยลงเพื่อให้เพียงพอบริโภคในประเทศ ถือเป็นโอกาสส่งออกกุ้งไทย
นางอัมพวัน พิชาลัย อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นขยายตัวจากปีก่อน 10% แม้การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และ สึนามิ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เพราะการผลิตชิ้นส่วนของญี่ปุ่นได้รับความเสียหาย และยังไม่กลับมาผลิตเต็มกำลังการผลิตได้เหมือนเดิม ส่งผลต่อเนื่องให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ของไทยที่ใช้ชิ้นส่วนนำเข้าจากญี่ปุ่นต้องชะลอการผลิต และส่งออก คาดว่า ในช่วง 3-6 เดือนจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีโอกาสส่งออกสินค้าอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผักและผลไม้สด ผักและผลไม้แปรรูปและกระป๋อง เพราะผลผลิตของญี่ปุ่นเสียหายจำนวนมาก รวมถึงอาหารกระป๋อง อาหารกึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม สินค้าสุขภาพ วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และของใช้ในครัวเรือน
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการมอบนโยบายการทำงานให้กับหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคร.) จำนวน 65 แห่งทั่วโลก วานนี้ (25 พ.ค.) ว่า แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยปี 2554 จะขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 12% โดยอาจขยายตัวได้เกิน 15% ซึ่งได้ขอให้ทูตพาณิชย์ที่เดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้ ปรับกิจกรรมเพื่อรุกตลาดส่งออกมากขึ้น ให้เน้นตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน อินเดีย ละตินอเมริกา และ รัสเซีย ซึ่งตลาดเหล่านี้มีความต้องการสินค้าจำนวนมาก หากสามารถผลักดันให้การส่งออกเพิ่มได้ จะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ให้ทำแผนผลักดันการส่งออกสินค้าอาหาร หลังจากที่หลายๆ ประเทศเกิดภัยพิบัติธรรมชาติจากภาวะโลกร้อน ทำให้ผลผลิตในประเทศเสียหาย จึงมีการนำเข้าสินค้าอาหารมากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกสินค้าอาหารของไทย
“เห็นได้จากการจัดงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ หรืองานไทยเฟกซ์ 2011 ที่มีลูกค้าจากหลายประเทศเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมียอดคำสั่งซื้ออาหารเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การส่งออกอาหารไทยปีนี้จะขยายตัวถึง 11% เพิ่มจากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าขยายตัว 8% จากปี 2553 ที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารไทยประมาณ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ” นางพรทิวา กล่าว
นางพรทิวา กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้มีการประเมินแนวโน้มการส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ใหม่ โดยตลาดอเมริกาเหนือปรับเป้าเพิ่มขึ้น 12% จากเดิม 5% ตลาดอเมริกาใต้ ปรับเป้าเพิ่ม 10% จากเดิม 5% ตลาดเอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย (ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และออสเตรเลีย) ปรับเพิ่ม 10% จาก 8% ตลาดจีนปรับเพิ่ม 25% จาก 20% ตลาดตะวันออกกลาง ปรับเพิ่ม 12% จาก 7% ตลาดแอฟริกาปรับเพิ่ม 10% จาก 3%
ส่วนตลาดที่ตลาดที่ยังคงเป้าส่งออกเดิม เช่น สหภาพยุโรป ขยายตัว 12% มูลค่า 2.44 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ รัสเซียและซีไอเอส ขยายตัว 15% มูลค่า 1,134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อาเซียน ขยายตัว 23% มูลค่า 5.45 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เอเชียใต้ ขยายตัว 18% มูลค่า 8,035 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล กล่าวว่า ราคาส่งออกกุ้งปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นมา หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30-40% เนื่องจากหลายประเทศประสบปัญหาภัยธรรมชาติ เช่น อินโดนีเซีย ส่วนจีนผลผลิตไม่เพียงพอ ทำให้มีการส่งออกน้อยลงเพื่อให้เพียงพอบริโภคในประเทศ ถือเป็นโอกาสส่งออกกุ้งไทย
นางอัมพวัน พิชาลัย อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นขยายตัวจากปีก่อน 10% แม้การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และ สึนามิ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เพราะการผลิตชิ้นส่วนของญี่ปุ่นได้รับความเสียหาย และยังไม่กลับมาผลิตเต็มกำลังการผลิตได้เหมือนเดิม ส่งผลต่อเนื่องให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ของไทยที่ใช้ชิ้นส่วนนำเข้าจากญี่ปุ่นต้องชะลอการผลิต และส่งออก คาดว่า ในช่วง 3-6 เดือนจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีโอกาสส่งออกสินค้าอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผักและผลไม้สด ผักและผลไม้แปรรูปและกระป๋อง เพราะผลผลิตของญี่ปุ่นเสียหายจำนวนมาก รวมถึงอาหารกระป๋อง อาหารกึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม สินค้าสุขภาพ วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และของใช้ในครัวเรือน
