xs
xsm
sm
md
lg

พณ.กระทุ้ง “เทือก” ลดราคาน้ำมันปาล์มขวดเหลือ 42 บ.คาดธุรกิจอาหารบูม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พาณิชย์ เล็งลดราคาน้ำมันปาล์มขวดเหลือ 42 บาท หลังต้นทุนลด และปริมาณผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกลไกตลาด มั่นใจ “เทพเทือก” ไฟเขียว หากเห็นกับประโยชน์ของประชาชน พร้อมสั่งทูตพาณฺชย์แจงประเทศคู่ค้า ยันเลือกตั้งไม่กระทบนโยบายการค้า มั่นใจส่งออกโตทะลุเป้า 15% หลังวิกฤตอาหารโลก ดันราคาสินค้าเกษตรพุ่งเท่าตัว

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมการค้าภายในเร่งทำหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเรียกประชุมพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลงขวดละ 5 บาท หรือจากขวดละ 47 บาท เหลือ 42 บาท หลังจากราคาผลปาล์มดิบในตลาดปรับลดลงจาก กิโลกรัม (กก.) ละ 8-10 บาท เหลือเพียง กก.ละ 4-5 บาทเท่านั้น ประกอบกับขณะนี้มีผลผลิตออกมาเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแล้ว

“การขอปรับลดราคาน้ำมันปาล์มในตอนนี้เป็นการทำตามกลไกตลาด เพราะก่อนหน้านี้ ในช่วงเกิดวิกฤตปาล์มขาดแคลน กระทรวงพาณิชย์ก็พิจารณาปรับขึ้นราคาให้สอดคล้องกับภาวะตลาด แต่เมื่อตอนนี้ผลปาล์มออกมาจำนวนมาก ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มก็ลดลง ดังนั้น ราคาขายปลีกจึงน่าจะปรับลดตาม เชื่อว่า รองนายกฯ สุเทพ จะเห็นด้วยกับแนวทางนี้หากคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้กล่าวภายหลังเปิดงานแสดงสินค้าอาหาร 2554 หรือ THAIFEX-World of food ASIA 2011 โดยระบุว่า ปัจจุบันปริมาณความต้องการสินค้าอาหารทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาภัยธรรมชาติ และยังทำให้ราคาสินค้ากลุ่มอาหารเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการส่งออกอาหารของไทย โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ไทยส่งออกสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น 18.66% ทำให้มั่นใจว่า การส่งออกอาหารปีนี้จะเติบโตถึง 10% หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออก กว่า 23,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่า ภายในงานจะมีผู้สั่งซื้อ ผู้นำเข้า และนักธุรกิจ สั่งซื้อสินค้ากว่า 3,000 ล้านบาท

กระทรวงพาณิชย์ยังเรียกประชุมทูตพาณิชย์จาก 65 แห่งทั่วโลก มอบนโยบายเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ ผลักดันส่งออกปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมกันนี้ ยังย้ำให้ทูตพาณิชย์เร่งชี้แจงกับคู่ค้าในต่างประเทศว่า แม้ขณะนี้ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง แต่นโยบายการค้า การส่งออกยังไม่เปลี่ยนแปลง และการเลือกตั้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการค้าและการส่งออกของไทย

“คาดว่า แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 15% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 12-15% เนื่องจากการส่งออกในสินค้ากลุ่มอาหารขยายตัวดีขึ้น เพราะมูลค่าสินค้าอาหารหลายชนิดมีราคาสูงเป็นเท่าตัว หลังหลายประเทศประสบภัยพิบัติธรรมชาติจากภาวะโลกร้อน ทำให้ผลผลิตในประเทศเสียหาย จึงนำเข้าอาหารมากขึ้น”

ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า การส่งออกสินค้าอาหารไทยปีนี้จะขยายตัวถึง 11% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าขยายตัว 8% จากปี 2553 ที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารไทยประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

รมว.พาณิชย์ กล่าวเสริมว่า จากการหารือกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลก ได้ให้นโยบายในการปรับกิจกรรมเพื่อรุกตลาดส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน, อินเดีย, ละตินอเมริกา และ รัสเซีย ซึ่งตลาดเหล่านี้มีความต้องการสินค้าจำนวนมาก หากสามารถผลักดันให้การส่งออกเพิ่มได้จะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

สำหรับผลกระทบจากตลาดญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาแผ่นดินไหวและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น แม้ว่าจะทำให้การส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นขยายตัวได้ดีขึ้น แต่ต้องดูผลกระทบจากการส่งออกสินค้าบางอย่างที่หดตัวด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

ด้าน นางอัมพวัน พิชาลัย อัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่นจะขยายตัวจากปีก่อน 10% แม้การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน คาดว่า ในช่วง 3-6 เดือนจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวของไทยจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ไทยยังมีโอกาสส่งออกสินค้าอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผักและผลไม้สด ผักและผลไม้แปรรูปและกระป๋อง เพราะผลผลิตของญี่ปุ่นเสียหายจำนวนมาก รวมถึงอาหารกระป๋อง, อาหารกึ่งสำเร็จรูป, น้ำดื่ม, สินค้าสุขภาพ, วัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ และของใช้ในครัวเรือน เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น