กระทรวงอุตสาหกรรม ขีดเส้นโรงงาน 15 ประเภท ต้องเข้าสู่ระบบการจัดการกาก อุตสาหกรรมภายใน 30 ส.ค.นี้เตรียมประเมินผลเบื้องต้น พ.ค.ก่อนลุยเต็มพิกัด เล็งศึกษาแผนจัดตั้ง “ศูนย์รวบรวมและขนถ่ายกากอุตสาหกรรม” ในพื้นที่ไม่มีโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรมตั้งอยู่
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปลายเดือน พ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะทำงานประสานความร่วมมือด้านการจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อประเมินผลถึงการดึงโรงงานเข้าสู่ระบบการจัดการกากอุตสาหกรรม ภายใต้เป้าหมายการกำกับดูแลโรงงานครอบคลุม 15 ประเภท ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีการเกิดกากอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก และโรงงานที่มีขนาดมากกว่า 100 แรงม้าที่จะต้องเข้าสู่ระบบการจัดการภายใน 30 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ คณะทำงานได้รายงานว่า โรงงานเป้าหมาย 15 ประเภท ที่อยู่ในเขตพื้นที่ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม มีโรงงานอุตสาหกรรม (จำพวก 3) ที่เข้าสู่ระบบมากกว่า 45% คิดเป็นจำนวนที่เข้าสู่ระบบทั้งหมด 1,246 แห่ง จากจำนวนโรงงานที่มีอยู่ทั้งหมด 2,717 แห่ง ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมที่มีขนาดมากกว่า 100 แรงม้า ที่อยู่ในความดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) มีทั้งหมด 41,214 แห่ง สามารถเข้าสู่ระบบมากกว่า 20% คิดเป็นจำนวนโรงงาน 8,041 แห่ง
อย่างไรก็ตาม จากการรายงานปริมาณกากของเสียและจำนวนโรงงานที่เข้าสู่ระบบ ณ เดือน พ.ค.พบว่า มีปริมาณกากอุตสาหกรรมที่เข้าสู่ระบบเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปี 2554 จนถึงปัจจุบัน มีโรงงานประมาณ 15,000 แห่งที่เข้าสู่ระบบ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีโรงงานเข้าสู่ระบบ 13,436 แห่ง โดยในปี 2554 มีปริมาณของเสียอันตรายกว่า 1 ล้านตัน และปริมาณของเสียที่ไม่อันตราย 11.6 ล้านตัน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ลดลงจากปี 2553 เนื่องจากผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวทาง 3R โดยการนำของเสียไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าให้มากที่สุด
นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจจะมีการพิจารณาถึงการปรับแก้กฎหมายให้สามารถจัดตั้ง “ศูนย์รวบรวมและขนถ่ายกากอุตสาหกรรม” โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรมตั้งอยู่ เพื่อให้เกิดการรวบรวมของเสียอย่างเป็นระบบและสามารถลดต้นทุนการขนส่ง จากปัจจุบันที่มีระบบการขนส่งผ่านกันหลายบริษัท
อย่างไรก็ดี ในส่วนของความคืบหน้าการติดตั้งระบบ GPS กับรถยนต์ขนส่งกากของเสียอุตสาหกรรม ขณะนี้ได้มีการติดตั้งกับรถยนต์ฯดังกล่าวจำนวน 40 คัน และติดตั้ง Server อีกจำนวน 1 ชุด ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องสำรองหรือเชื่อมโยงกับระบบเดิมที่ศูนย์ชลบุรี เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมีการขยายการติดตั้งเครื่องมือดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกภายในปีนี้
สำหรับโรงงาน 15 ประเภท อาทิ โรงงานหมัก ชำแหละ อบ ป่น หรือบด ฟอก ขัดและแต่ง แต่งสำเร็จ อัดให้เป็นลายนูน การทำเยื่อจากไม้ หรือวัสดุอื่น การทำกระดาษ กระดาษแข็ง หรือกระดาษที่ใช้ในการก่อสร้างชนิดที่ทำจากเส้นใย การทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี หรือวัสดุเคมี ซึ่งมิใช่ปุ๋ย การทำปุ๋ยหรือสารป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืช หรือการทำสีสำหรับใช้ทา พ่น หรือเคลือบ โรงงานกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปลายเดือน พ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะทำงานประสานความร่วมมือด้านการจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อประเมินผลถึงการดึงโรงงานเข้าสู่ระบบการจัดการกากอุตสาหกรรม ภายใต้เป้าหมายการกำกับดูแลโรงงานครอบคลุม 15 ประเภท ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีการเกิดกากอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก และโรงงานที่มีขนาดมากกว่า 100 แรงม้าที่จะต้องเข้าสู่ระบบการจัดการภายใน 30 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ คณะทำงานได้รายงานว่า โรงงานเป้าหมาย 15 ประเภท ที่อยู่ในเขตพื้นที่ทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม มีโรงงานอุตสาหกรรม (จำพวก 3) ที่เข้าสู่ระบบมากกว่า 45% คิดเป็นจำนวนที่เข้าสู่ระบบทั้งหมด 1,246 แห่ง จากจำนวนโรงงานที่มีอยู่ทั้งหมด 2,717 แห่ง ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมที่มีขนาดมากกว่า 100 แรงม้า ที่อยู่ในความดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) มีทั้งหมด 41,214 แห่ง สามารถเข้าสู่ระบบมากกว่า 20% คิดเป็นจำนวนโรงงาน 8,041 แห่ง
อย่างไรก็ตาม จากการรายงานปริมาณกากของเสียและจำนวนโรงงานที่เข้าสู่ระบบ ณ เดือน พ.ค.พบว่า มีปริมาณกากอุตสาหกรรมที่เข้าสู่ระบบเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปี 2554 จนถึงปัจจุบัน มีโรงงานประมาณ 15,000 แห่งที่เข้าสู่ระบบ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีโรงงานเข้าสู่ระบบ 13,436 แห่ง โดยในปี 2554 มีปริมาณของเสียอันตรายกว่า 1 ล้านตัน และปริมาณของเสียที่ไม่อันตราย 11.6 ล้านตัน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ลดลงจากปี 2553 เนื่องจากผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวทาง 3R โดยการนำของเสียไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าให้มากที่สุด
นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจจะมีการพิจารณาถึงการปรับแก้กฎหมายให้สามารถจัดตั้ง “ศูนย์รวบรวมและขนถ่ายกากอุตสาหกรรม” โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรมตั้งอยู่ เพื่อให้เกิดการรวบรวมของเสียอย่างเป็นระบบและสามารถลดต้นทุนการขนส่ง จากปัจจุบันที่มีระบบการขนส่งผ่านกันหลายบริษัท
อย่างไรก็ดี ในส่วนของความคืบหน้าการติดตั้งระบบ GPS กับรถยนต์ขนส่งกากของเสียอุตสาหกรรม ขณะนี้ได้มีการติดตั้งกับรถยนต์ฯดังกล่าวจำนวน 40 คัน และติดตั้ง Server อีกจำนวน 1 ชุด ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องสำรองหรือเชื่อมโยงกับระบบเดิมที่ศูนย์ชลบุรี เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมีการขยายการติดตั้งเครื่องมือดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกภายในปีนี้
สำหรับโรงงาน 15 ประเภท อาทิ โรงงานหมัก ชำแหละ อบ ป่น หรือบด ฟอก ขัดและแต่ง แต่งสำเร็จ อัดให้เป็นลายนูน การทำเยื่อจากไม้ หรือวัสดุอื่น การทำกระดาษ กระดาษแข็ง หรือกระดาษที่ใช้ในการก่อสร้างชนิดที่ทำจากเส้นใย การทำเคมีภัณฑ์ สารเคมี หรือวัสดุเคมี ซึ่งมิใช่ปุ๋ย การทำปุ๋ยหรือสารป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืช หรือการทำสีสำหรับใช้ทา พ่น หรือเคลือบ โรงงานกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เป็นต้น