xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.วอนทบทวนตรึงดีเซล ชี้ น้ำมันโลกขึ้นถาวร-หวั่นภาระหนัก รบ.หน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ส.ว.วอนรัฐ ทบทวนตรึงราคาน้ำมันดีเซล เกรงกระทบเงินเฟ้อ แนะปล่อยให้ราคาปรับตัวสะท้อนความจริง โดยทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได เพื่อสร้างวินัยการใช้น้ำมันให้ ปชช. ชี้ หากอั้นแล้วปล่อยขึ้นพรวดเดียว 6 บาท อาจกระทบต่อรัฐบาลชุดใหม่ ชี้ ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นแบบถาวร ไม่ใช่ชั่วคราว “บางจาก” ครวญอุ้มดีเซลไม่ไหว เตรียมชงบอร์ดเคาะตัดสินใจ หลังสิ้นเดือน เม.ย.นี้

นายสุเมธ ศรีพงษ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จังหวัดนครราชสีมา ใช้โอกาสหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภา กรณีรัฐบาลกำหนดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล โดยแสดงความเห็นว่า หากมองในแง่ดีก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่มาตรการดังกล่าวอาจเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด และส่งผลกระทบทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น จึงขอฝากให้รัฐบาลทบทวนอย่างรอบด้านอีกครั้ง

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดีเซลควรปล่อยให้ปรับตัวสูงขึ้นจนถึงระดับราคาใกล้เคียงความเป็นจริง ซึ่งการปล่อยให้ราคาปรับตัวขึ้นครั้งละ 50 สตางค์ หรือ 1 บาท จะช่วยให้ระดับราคาสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น และยังเป็นการสร้างวินัยในการใช้น้ำมันให้กับประชาชน หากปล่อยให้ถึงที่สุดแล้วไปปรับราคาขึ้นครั้งเดียวจะเกิดผลกระทบรุนแรงต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งได้

ขณะที่ นายแพทย์ (นพ.) เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การควบคุมราคาน้ำมันเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำได้ แต่หากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นการปรับขึ้นอย่างถาวรไม่ใช่ชั่วคราว การควบคุมราคาน้ำมันจะเกิดผลกระทบต่อประเทศได้ เนื่องจากการใช้มาตรการทางภาษีจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้กว่า 4.4 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น รัฐบาลต้องคิดว่าควรปล่อยราคาน้ำมันให้ลอยตัวหรือแทรกแซง ทั้งนี้ เข้าใจดีว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะเกิดความลำบาก สิ่งที่เดือดร้อนอย่างชัดเจน คือ ระดับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเลือกแทรกแซงผู้ประกอบการเป็นรายอุตสาหกรรมหรือทยอยปรับราคาน้ำมันขึ้นจนกว่าราคาจะสะท้อนความเป็นจริง

**บางจาก ทบทวนอุ้มดีเซล สิ้นเดือนนี้

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่วว่า ตนเองจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ของบริษัทในเร็วๆ นี้ เพื่อให้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับการตรึงราคาดีเซล 30 บาทต่อลิตร หลังจากพ้นสิ้นเดือนเมษายน 2554 นี้ เพราะรัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2554

“เดิมรัฐบาลกำหนดนโยบายดูแลดีเซล 30 บาทถึงสิ้นเดือนนี้ บางจากก็ร่วมมือตามนโยบายดังกล่าว เพื่อผ่อนภาระให้ประชาชน แต่รัฐบาลกลับต่ออายุไปถึงสิ้นเดือนกันยายน 2554 ซึ่งเห็นว่า บางจากคงรับภาระไม่ไหว โดยแนวโน้มราคาน้ำมันดิบทั้งปีน่าจะยืนไม่ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล”

ทั้งนี้ หากนับตั้งแต่เริ่มตรึงราคาเดือนธันวาคม 2554 ค่าการตลาดเฉลี่ยเหลือเพียง 1 บาทต่อลิตร ทั้งที่อัตราที่เหมาะสม ไม่ควรต่ำกว่า 1.50 บาท ทำให้ต้องรับภาระแล้ว 300-400 ล้านบาท หากจะดูแลต่อคงกระทบต่อผลประกอบการ ขณะที่บริษัทต้องดูแลทุกฝ่าย รวมถึงผู้ถือหุ้นด้วย เพราะบางจากเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ค่าการตลาดดีเซลวันนี้ยังอยู่ในอัตรา 1 บาท หากไม่ใช้เงินกองทุนน้ำมันอุดหนุนเพิ่มเติม อาจทำให้ราคาดีเซลของเอกชนปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซิน คาดว่าสัปดาห์นี้ ยังไม่มีการปรับราคา

ด้าน นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ ผู้จัดการวางแผนพาณิชย์องค์กร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ไทยออยล์ได้ปรับประมาณการเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบใหม่ จากช่วงปลายปีที่แล้ว คาดว่าจะอยู่ที่ 83-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับมาเป็น 102 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากดูทิศทางแล้วคาดว่าราคาน้ำมันดิบคงจะไม่สูงไปจากปัจจุบัน ยกเว้นว่าปัญหาความไม่สงบจะเกิดขึ้นในซาอุดีอาระเบียและอิหร่าน

อย่างไรก็ตาม จากราคาน้ำมันที่สูงเช่นนี้ ในขณะที่รัฐบาลตรึงดีเซล ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) จะทำให้คนหันไปใช้เชื้อเพลิงเหล่านี้มากขึ้น ต้องนำเข้าแอลพีจีสูงขึ้น และจะส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหมดเร็วขึ้นด้วย จากที่ขณะนี้ไหลออกวันละ 60-70 ล้านบาท จากเม็ดเงินที่มีไม่ถึง 4,000 ล้านบาท ก็คาดว่า จะหมดลงในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2554 นี้ ซึ่งคงเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องหารือเพื่อแก้ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น