xs
xsm
sm
md
lg

บางจากฯ ปาดเหงื่อรัฐอุ้มดีเซลยาว ทำสภาพคล่องหด-ต้องกู้เงินอุดฐานะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บางจากฯ หนุนรัฐยกเลิกนโยบายตรึงดีเซล 30 บาท/ลิตร แนะขยับเพดานให้สูงขึ้น-สะท้อนต้นทุนจริง ลดภาษี กู้เงินโปะขาดทุน ชี้ แนวโน้มราคาดีเซลโลกคงสูงอย่างต่ำ 2 เดือน เผยรัฐจ่ายเงินกองทุนอุดหนุนดีเซลล่าช้าถึง 6 เดือน ทำให้บริษัทต้องกู้เงินเสริมสภาพคล่อง

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้จะเข้าใกล้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่หากดูแนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลแล้ว ราคาดีเซลคงทรงตัวระดับสูงอย่างน้อย 2 เดือน จากที่ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 137 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเหตุผลลิเบียยังไม่สงบ โรงกลั่นของจีนหยุดซ่อมบำรุง ทำให้ความต้องการดีเซลในเอเชียสูงขึ้น

ดังนั้น เพื่อผลประโยชน์ของประเทศโดยรวมรัฐไม่ควรจะตรึงราคาที่ 30 บาทต่อไปอีก เพราะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็หมดลง แนวทางที่น่าจะดำเนินการ คือ หากต้องการดูแลประชาชนที่มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ก็ควรจะกำหนดเป็นรายกลุ่มไป ว่า กลุ่มไหนควรได้รับการช่วยเหลือ ไม่ใช่ช่วยเหลือเป็นวงกว้างทั้งหมดเช่นนี้

“ต้องยอมรับความจริง ว่า คนใช้ดีเซลไม่ใช่เป็นผู้มีรายได้น้อยทั้งหมด และนอกจากนี้ ควรจะขยับเพดานหากจะช่วยเหลือต่อ และการขยับราคาก็ควรจะค่อยๆ ขยับเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนมากเกินไป เช่น ครั้งละ 50 สตางค์ เป็นต้น”

ส่วนวงเงินที่จะเข้ามาดูแลต่อไปนั้น รัฐบาลควรจะพิจารณาทั้ง 2 ส่วน ทั้งเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และมีความจำเป็นต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนต่อ เพราะคงไม่สามารถลดการอุดหนุนได้ทันที 6.40 บาทต่อลิตร ดังนั้น หากเงินกองทุนน้ำมันฯหมดลง หากจะกู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็คือ การใช้หนี้กองทุนที่มีดอกเบี้ยและช่วงราคาน้ำมันโลกลดลง คนไทยก็ต้องใช้ราคาสูงเพื่อใช้หนี้

นอกจากนี้ ในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่ง ก็ต้องเข้ามาร่วมรับภาระการอุดหนุนดีเซลด้วย เช่น บางจากฯ เอสโซ่ เพราะการจ่ายเงินอุดหนุนโดยกองทุนน้ำมันฯ นั้น จะต้องมีการตรวจสอบของฝ่ายราชการซึ่งล่าช้ากว่าจะเบิกได้ใช้เวลานาน 6 เดือน ซึ่งตั้งแต่เริ่มอุดหนุนมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553 บางจากฯ มีภาระหลายพันล้านบาท

“หากคำนวณเฉพาะการอุดหนุน 6.40 บาทต่อลิตรแล้ว บางจากฯ มียอดขายดีเซลต่อเดือนละกว่า 200 ล้านลิตร ก็ต้องรับภาระ 1,350 ล้านบาทต่อเดือน จึงจำเป็นต้องกู้เงินระยะสั้น มาเสริมสภาพคล่องเป็นช่วงๆ ไป และต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนนี้ด้วย ซึ่งหากภาครัฐลดการอุดหนุน และจ่ายเงินกองทุน ให้รวดเร็วขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในส่วนของภาษีน้ำมันสรรพสามิตน้ำมันดีเซล รัฐบาลชุดนี้ได้ปรับขึ้นประมาณ 2 บาทต่อลิตร ทำให้อัตราปัจจุบันอยู่ที่ 5.31 บาทต่อลิตร และตามโครงสร้างราคาน้ำมันแล้วการขึ้นภาษีทำให้มีการจ่ายภาษีท้องถิ่นเพิ่มขึ้นด้วย เพราะคิดในอัตราร้อยละ 10 ของภาษีสรรพสามิต ทำให้ภาษีท้องถิ่นเก็บเพิ่มเป็น 0.5310 บาท และกระทรวงการคลังยังได้ภาษีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นด้วย เพราะคำนวณจากราคาน้ำมันบวกกับภาษีสรรพสามิตและภาษีท้องถิ่น

โดยราคาในขณะนี้ที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มราคาหน้าโรงกลั่นที่ 1.8969 บาทต่อลิตร และยังมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากค่าการตลาดอีกด้วย รวมแล้ว รัฐได้ภาษีทุกส่วนทั้งหมด 7.803 บาทต่อลิตร จากราคาน้ำมันดีเซลที่ 29.99 บาทต่อลิตร ในขณะที่เงินกองทุนน้ำมันฯอุดหนุน 6.40 บาท และมีการจัดเก็บเงินกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 0.25 บาทต่อลิตร

อย่างไรก็ตาม เงินภาษีน้ำมันหากลดลง 1 บาทต่อลิตร จะมีผลทำให้รัฐเก็บภาษีน้อยลงวันละ 50 ล้านบาท เนื่องจากการใช้ดีเซลของประเทศอยู่ที่ประมาณวันละ 50 ล้านลิตร
กำลังโหลดความคิดเห็น