“อภิสิทธิ์” ปัดตรึงราคาน้ำมันดีเซลหาเสียงล่วงหน้า ชี้ เป็นธรรมดาที่มีเสียงวิจารณ์ ยืนยันเป็นการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหา ศก.ในภาพรวม ยกแม่น้ำทั้งห้า หากปล่อยให้ลอยตัว จะเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะอัตราเงินเฟ้อ ฟุ้ง 5-6 เดือนที่ผ่านมา จัดเก็บรายได้เข้าเป้า จึงอุ้มดีเซลต่อได้ เตรียมถกเรื่องราคาปุ๋ย ครม.พรุ่งนี้
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อ 30 บาทต่อลิตร ว่า เป็นธรรมดา คาดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีบ้าง แต่ตนเองก็ยืนยันว่า เป็นการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจในภาพรวม เป็นเรื่องซึ่งอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ เพียงแต่ตนเองเห็นว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้และในภาวะความเดือดร้อนของประชาชนมันคุ้มค่าที่จะทำ แต่ตนก็ยอมรับได้ว่าถ้าหากมีคนบอกว่าไม่คุ้มค้าที่จะทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิจารณ์บางส่วน มองว่า ในลักษณะเช่นนี้ จะกลายเป็นตัวเร่งอัตราเงินเฟ้อมากขึ้นมากกว่าที่จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างที่รัฐบาลบอกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่หรอกครับ ทำไมเงินจะเฟ้อมากขึ้น ในเมื่อเราทำให้ตัวของต้นทุนกับราคาสินค้ามันมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นน้อยลง เพราะในขณะนี้เราไม่ได้มีปัญหาเงินเฟ้อจากการที่เศรษฐกิจร้อนแรง เศรษฐกิจเราปีที่แล้วขยายตัวมาเกือบร้อยละ 8 แต่ปีนี้เป็นที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะต้องชะลอตัวลง ฉะนั้น ปัญหาของเงินเฟ้อขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของการจับจ่ายใช้สอยจนมากเกินไป และระดับราคาน้ำมันที่เราตรึงอยู่นั้น ไม่ใช่เราที่ประชาชนมองว่าเป็นราคาที่ถูกและจะใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย และเราก็ให้เฉพาะในส่วนที่เป็นน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนการขนส่ง มันเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาราคาสินค้า ต้องมองภาพรวมตรงนี้ และในเรื่องของการวิจารณ์เรื่องกลไกตลาด ตนก็บอกว่าจะเก็บภาษีหรือจะเอาเงินกองทุนมันก็เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด ความจริงขณะนี้จะเข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับการปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดด้วยซ้ำ
เมื่อถามว่า จังหวะเวลาแบบนี้ ก็เลยถูกมองว่า ความคุ้มค่าของรัฐบาล กลายเป็นการรักษาฐานคะแนนเสียงมากกว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวหรอกครับ จังหวะเวลาทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เรากำหนดแนวทางมาตั้งแต่ต้น และเราก็ประเมินสถานการณ์ในขณะนี้ ถ้าตนดูไม่ผิดเมื่อเช้าที่ผ่านมา ก็ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็เริ่มลดลงบางส่วน ฉะนั้น ประเด็นคือ เราต้องประเมินก่อนว่าภาวะปัจจุบัน คือ ภาวะชั่วคราว หรือเป็นภาวะที่น้ำมันพุ่งขึ้นเป็นการถาวร ซึ่งตนมั่นใจว่า คนส่วนใหญ่มองเป็นภาวะชั่วคราว ไม่เป็นภาวะชั่วคราวก็ต้องถามว่าต่อว่าเราจะปล่อยให้ภาวะชั่วคราวมา ทำให้ราคาสินค้ามันเพิ่มขึ้นแล้วทำให้เศรษฐกิจไทยสะดุด หรือเราจะหาทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแล้วให้เศรษฐกิจมันผ่านภาวะชั่วคราวนี้ไปได้ ตนได้ประเมินแล้วถึงได้ตัดสินใจ ซึ่งตนมั่นใจว่า เป็นประโยชน์ทั้งเศรษฐกิจ และที่สำคัญคือ เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ในขณะที่ตัวเลขที่ไปกระทบกับเรื่องของรายได้ของภาครัฐ ก็บังเอิญโชคดีว่าช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา การจัดเก็บรายได้มันเกินเป้า ทำให้เรามีช่องว่างตรงนี้ที่สามารถเอามาใช้ได้ ถ้าหากว่าเราอยู่ในภาวะซึ่งการจัดเก็บรายได้มันไม่ได้มีเพิ่มขึ้นมา มันก็ไม่สามารถที่จะใช้มาตรการนี้ได้
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การตัดสินใจนี้แม้จะไม่ใช่ช่วงการเลือกตั้ง การจะยังตัดสินใจเช่นนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ใช่ครับ ตนดูจากตัวเลขของเศรษฐกิจ
ส่วนในเรื่องของราคาปุ๋ยนั้น มีการรายงานคร่าวๆ แต่จะเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) แต่ว่าทางกระทรวงการคลังจะไปดูด้วยอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รายละเอียดทั้งหมด แต่ว่าไม่น่าที่จะใช้แนวทางของเรื่องธงฟ้า กับเรื่องของชดเชยส่วนต่าง ที่เป็นข้อสรุปบอกว่าไม่ได้ใช้แนวทางนี้
เมื่อถามว่า หลังการประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) การขึ้นราคาปุ๋ยนั้นจะเกิดขึ้นทันทีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรุ่งนี้จะพิจารณาครับ เมื่อถามต่อว่า ในขณะที่รัฐบาลพยายามที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซล เพื่อไม่ให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้น แต่กลับมีสินค้าบางตัวสวนทาง จะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอยู่แล้วว่า เพราะสาเหตุของของแพงมันมาหลายด้าน แต่ตัวหลักคือ อาหาร กับพลังงาน ซึ่งอาหารบางทีก็คุมยาก ฉะนั้น เราจะต้องแก้ด้วยการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งเป็นแผนที่เราดำเนินการอยู่ ส่วนพลังงานเป็นสิ่งที่เรายังพอควบคุมได้ และถ้าเราไม่ควบคุมต้นทุนสินค้าทุกตัวก็จะขึ้นราคา ก็จะเป็นการซ้ำเติมประชาชนมากกว่านี้ ฉะนั้น เราก็ต้องตัดสินใจตามกำลังที่เรามีอยู่ ถ้าสมมติว่า ถ้าน้ำมันมันสูงขึ้นถึง 150 เหรียญ 200 เหรียญ แน่นอนว่ารัฐบาลจะต้องปล่อย แต่ว่าขณะนี้เราประเมินแล้วว่าการตัดสินใจตรงนี้มันน่าจะทำให้ราบเรียบที่สุดในเชิงการบริหารเศรษฐกิจและการลดความเดือดร้อนของประชาชน
“ผมย้ำอีกครั้งว่าง่ายที่สุด คือ บอกว่า น้ำมันขึ้นปล่อยสินค้าขึ้น ถามว่า น้ำมันลงสินค้าลงหรือไม่ เราก็ผ่าผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาหลายครั้ง มันก็เห็นชัดเจนอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว