นายกฯ ยันการตัดสินใจตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท โดยการลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 5.70 บาทในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการ แนะให้มองที่ภาพรวมและประโยชน์ต่อ ศก.โดยรวม มั่นใจสิ่งที่ทำคุ้มค่ากับภาวะเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของประชาชน ย้ำราคาดีเซล 30 บาท ไม่ได้ถูกจนทำให้รถกระบะใช้ฟุ่มเฟือย-เกิดปัญหาเงินเฟ้อ แต่เป็นการป้องกันราคาสินค้าขึ้นราคา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีผู้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 30 บาทต่อไปอีก โดยใช้มาตรการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลิตรละ 5.70 บาท โดยมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการ เพราะเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ตนเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ และความเดือดร้อนของประชาชน คุ้มค่าที่จะทำ
ต่อข้อถามว่านักวิชาการเกรงว่าจะเป็นตัวเร่งเงินเฟ้อมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำไมเงินจะเฟ้อมากขึ้น เราทำให้ต้นทุนสินค้าและราคาสินค้าลดลง ดังนั้นคงไม่เป็นอย่างที่วิจารณ์ เนื่องจากปัญหาของประเทศขณะนี้ ไม่ได้มีปัญหามาจากเศรษฐกิจร้อนแรง ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากปีที่แล้วบ้าง
เพราะฉะนั้นปัญหาเงินเฟ้อ ไม่ได้อยู่ที่การใช้จ่ายมากเกินไป ราคาน้ำมันดีเซลที่ตรึงไว้ ก็ไม่ใช่ถูก จนทำให้ประชาชนใช้ฟุ่มเฟือย เรื่องนี้เป็นการแก้ไขปัญหาราคาสินค้า ตนจึงอยากขอให้มองในภาพรวม
ต่อข้อถามว่า จังหวะเวลาจะถูกมองว่าเป็นการรักษาฐานเสียงไว้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะการเลือกตั้งเป็นห้วงเวลาที่ได้กำหนดแนวทางไว้ตั้งแต่ต้น ตนมั่นใจว่าภาวะราคาน้ำมันในช่วงนี้เป็นภาวะชั่วคราว แล้วจะมาทำให้สินค้าเพิ่มขึ้นและทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยสะดุดทำไม
"เราควรช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน และเป็นเรื่องโชคดีที่การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา จัดเก็บได้เกินเป้า ก็สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาตรงนี้ได้"
ดังนั้น การตัดสินใจตรึงราคาน้ำมันดัเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท โดยการลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 5.70 บาทในครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าใกล้เลือกตั้งแล้วจึงตัดสินใจ ส่วนปัญหาราคาปุ๋ย จะได้ข้อยุติในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้